เม็ดเงินลงทุนจากต่างชาติ (Fund Flow) กำลังไหลกลับเข้าตลาดหุ้นไทยอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา เพียง 1 สัปดาห์มียอดซื้อสุทธิถึง 1.1 หมื่นล้านบาท เป็นการซื้อต่อเนื่อง 3 เดือนติดครั้งแรกในรอบ 22 เดือน หรือเกือบ 2 ปี ซึ่งเมื่อนับตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน (Year to date) นักลงทุนต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิรวม 5,342 ล้านบาท หลังจากที่ปีก่อนถล่มขายสุทธิทำสถิติใหม่ถึง 2.9 แสนล้านบาท
*** การเมืองจบ ดูดเงินไหลกลับ คาดเข้ามาอีก 6 หมื่นลบ.
"ภากร ปีตธวัชชัย" กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ระบุว่า ฟันด์โฟลว์ต่างชาติที่ไหลกลับเข้ามาตลาดหุ้นไทยช่วงนี้เกิดจากความชัดเจนในการจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งผลที่ออกมาทำให้เกิดความเชื่อมั่นด้านความต่อเนื่องของนโยบายและโครงการลงทุนต่างๆ ที่ดำเนินการอยู่ในปัจจุบัน
เช่นเดียวกับ "ไพบูลย์ นลินทรางกูร" ประธานสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) ที่มองว่า การจัดตั้งรัฐบาลที่ผ่านไปด้วยดี ทำให้กระแสเงินทุนต่างชาติไหลกลับมาอีกครั้ง เพราะการเมืองไทยเข้าสู่ระบอบประชาธิปไตย หลังมีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ทำให้มีเม็ดเงินกองทุน Active Fund ที่ติดเงื่อนไขไม่สามารถลงทุนในประเทศที่ไม่เป็นประชาธิปไตย กลับเข้ามาลงทุนได้
ทั้งนี้คาดว่ากระแสเงินทุนจะไหลเข้าตลาดหุ้นไทยต่อเนื่องในช่วงครึ่งปีหลัง เฉลี่ยเดือนละ 1 หมื่นล้านบาท หรือรวม 6 หมื่นล้านบาท
ด้าน "สุนทร ทองทิพย์" ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กสิกรไทย เสริมว่า นอกจากการเปลี่ยนผ่านสู่รัฐบาลที่เป็นประชาธิปไตยช่วยสร้างความเชื่อมั่นกับนักลงทุน ตลาดหุ้นไทยยังมีลักษณะเป็น Low Beta Stock ที่แม้มีอัตราการเติบโตต่ำ แต่กลับมีเสถียรภาพสูงกว่าตลาดเกิดใหม่ (Emerging Market) อื่นๆ จากการเกินดุลบัญชีเดินสะพัด และมีหนี้ต่างประเทศน้อย ซึ่งจะปลอดภัยในช่วงที่มีสถานการณ์โลกมีความผันผวนสูง
*** ฟันธงฟันด์โฟลว์รอบนี้ดันหุ้นไทย Outperform
"เอกภาวิน สุนทราภิชาติ" ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน สายงานวิจัย บล.ไทยพาณิชย์ ประเมินว่า เม็ดเงินต่างชาติที่ไหลเข้าอย่างต่อเนื่องจะผลักดันให้ตลาดหุ้นไทย Outperform ตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาค โดยหลังจากการจัดตั้งรัฐบาล คาดว่าจะมีการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ซึ่งล่าสุดมีการปรับ พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง โดยเพิ่มงบลงทุนผูกพันจาก 5% เป็น 8% ของงบประมาณรายจ่ายประจำปี ถือเป็นสัญญาณที่ดีสำหรับโครงการลงทุนขนาดใหญ่ ส่งผลให้คาดว่า SET จะมีความโดดเด่นกว่าตลาดอื่นๆ
ทั้งนี้ เดือน พ.ค. ที่ผ่านมาเม็ดเงินต่างชาติไหลเข้าไทยเพียงแห่งเดียวในภูมิภาค โดยซื้อสุทธิใน SET เป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน นับเป็นครั้งแรกในรอบ 22 เดือน ขณะที่ฟิลิปปินส์, อินโดนีเซีย และมาเลเซีย มีสถานะเป็นขายสุทธิ เช่นเดียวกับเงินบาทที่แข็งค่า 0.83% ตรงข้ามกับ เปโซ, รูเปียห์ และริงกิต อ่อนค่า 0.85%, 1.07% และ 1.36% ตามลำดับ นอกจากนี้เม็ดเงินยังไหลเข้ามาในตลาดพันธบัตร และนักลงทุนต่างชาติเริ่มมีสถานะ Long (ซื้อ) สะสมในดัชนี SET50 Futures ในช่วงสัปดาห์สุดท้ายของ พ.ค. ระดับ 3.3 หมื่นสัญญา ซึ่งจะส่งผลให้ดัชนีหุ้นไทยเดือน มิ.ย. "ฟื้นตัว" โดยมองกรอบแนวต้านไว้ที่ 1,670 จุด
ด้าน "วิวัฒน์ เตชะพูลผล" รองกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิเคราะห์ทางเทคนิค บล.ทิสโก้ ระบุว่า ดัชนีหุ้นไทยจะทยอยปรับตัวขึ้นไปซื้อขายที่ระดับ 1,680-1,690 จุด โดยแรงซื้อของนักลงทุนต่างชาติจะมีนัยสำคัญของการปรับขึ้นรอบนี้ ซึ่งมีความเชื่อมั่นว่าหลังการจัดตั้งรัฐบาลจะเห็นการเร่งอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจผ่านโครงการต่างๆ อย่างรวดเร็ว
*** จับตาหุ้น SET50 เป้าหมายแรกต่างชาติ
"ณัฐชาต เมฆาสิน" ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทรีนีตี้ ประเมินว่า การกลับมาของนักลงทุนต่างชาติรอบนี้จะให้น้ำหนักการลงทุนหุ้นในกลุ่ม SET50 หลังจากที่ปีก่อนถูกขายออกไปค่อนข้างมาก
"เมื่อฟันด์โฟลว์เริ่มกลับมาจะเข้าหาหุ้นใน SET50 ก่อน เพราะมีสภาพคล่องสูง ที่สำคัญส่วนใหญ่ราคาหุ้นยังต่ำกว่ามูลค่าพื้นฐาน มีอัพไซด์สูง เพราะโดนแรงขายจากปีก่อนไปค่อนข้างมาก" ณัฐชาต กล่าว
ขณะที่ "มงคล พ่วงเภตรา" ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนหลักทรัพย์ บล.เคทีบี (ประเทศไทย) เผยว่า กลยุทธ์ในการลงทุนช่วงนี้ ให้เลือกลงทุนหุ้นใน SET50 ที่มีอัพไซด์สูงมากกว่า 15% ขึ้นไป และนักลงทุนต่างชาติขายออกช่วงที่ผ่านมา เพราะจะเป็นเป้าหมายแรกของการกลับมาซื้อคืนในราคาต้นทุนที่ต่ำลง
*** เปิดโผ 12 หุ้นเป้าหมายเงินนอก
ทั้งนี้ จากการรวบรวมหุ้นเป้าหมายที่นักวิเคราะห์แนะนำให้เข้าลงทุนรับกระแสฟันด์โฟลว์ไหลกลับ โดยคัดกรองหุ้นที่มีอัพไซด์จากราคาเหมาะสมเฉลี่ยของ IAA Consensus ตั้งแต่ 15% ขึ้นไป และเป็นหุ้นที่นักลงต่างชาติขายออกก่อนหน้านี้ โดยรวบรวมจากการถือครองหุ้นของนักลงทุนต่างชาติ รวมใบแสดงสิทธิในผลประโยชน์ที่เกิดจากหลักทรัพย์อ้างอิงไทย (NVDR) แต่ไม่รวมผู้ถือหุ้นใหญ่ที่เป็นต่างชาติ พบว่ามี 12 บริษัทที่เข้าข่ายดังนี้
12 หุ้นเป้าหมาย Fund Flow
|
ชื่อย่อหุ้น
|
%ต่างชาติ
ถือครองปี 61
|
%ต่างชาติ
ถือครองล่าสุด
|
ราคาเหมาะสม (บ.)
|
อัพไซด์
(%)
|
TOP
|
25.72
|
24.65
|
80
|
33
|
IRPC
|
14.68
|
12.92
|
6.3
|
32
|
PTTGC
|
22.36
|
21.39
|
80
|
30
|
IVL
|
14.46
|
13.34
|
58
|
24
|
CENTEL
|
14.64
|
13.32
|
43
|
21
|
BBL
|
52.18
|
51.6
|
240
|
21
|
PTTEP
|
14.86
|
13.38
|
149
|
19
|
KBANK
|
62.17
|
55.49
|
225
|
18
|
TRUE
|
27.84
|
27.33
|
5.8
|
16
|
SPRC
|
13.91
|
10.42
|
11
|
15
|
KKP
|
30.6
|
25.69
|
78
|
15
|
PTT
|
15.07
|
12.56
|
54
|
15
|
ข้อมูลอัพไซด์เทียบราคาหุ้นกับราคาเหมาะสมเฉลี่ยของ IAA Consensus ณ วันที่ 7 มิ.ย.62
|
ที่มา : สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย