DTAC ปิดซื้อขายเช้านี้บวก 3.36% สวนทาง SET ที่ปิดลบ 15.50 จุด คาดรับปัจจัยหนุนงบ Q2/64 ดีกว่าตลาดคาด – ปันผลระหว่างกาลให้ยิลด์ 3.5% ขณะที่ โบรกฯเริ่มอัพเป้ากำไรปีนี้ขึ้น หลังผลงานครึ่งปีแรกดีกว่าคาด ส่วนครึ่งปีหลังคาดแผนลดต้นทุนยังเห็นผล หนุนกำไรเดินหน้าโต QoQ
*** ปิดเช้าบวก 3.36% รับงบ Q2/64 ดีกว่าคาด–ปันผลยิลด์ 3.5%
ราคาหุ้น บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ DTAC ช่วงเช้าวันนี้ (19 ก.ค.64) ดีดขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่ราคา 31.50 บาท ก่อนปิดซื้อขายภาคเช้าไปด้วยราคา 31.25 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 บาท หรือ 3.36% มีปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้น 246.55% จาก 5 วันทำการก่อนหน้า
บทวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กรุงศรี ระบุถึงสาเหตุที่ทำให้ DTAC ปิดซื้อขายเช้านี้บวก 3.36% สวนทางดัชนีหุ้นไทย (SET Index) ที่ปิดลบ 15.50 จุด หรือ -0.98% เนื่องจากกำลังได้รับปัจจัยหนุน จากงบการเงินไตรมาส 2/64 ที่มีกำไรสุทธิ 1.53 พันล้านบาท แม้ลดลง 19% จากปีก่อน แต่เพิ่มขึ้น 86% จากไตรมาสก่อน และ ยังดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์อย่างมีนัยสำคัญ
นอกจากนี้ DTAC ยังได้รับปัจจัยหนุน จากการประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล อัตรา 1.05 บาท/หุ้น หรือราว 100% ของกำไรสุทธิ คิดเป็นอัตราผลตอบแทน (Dividend Yield) ระดับ 3.5% โดยจะขึ้นเครื่องหมาย XD (ไม่ได้รับสิทธิเงินปันผล) ในวันที่ 30 ก.ค.64 และจ่ายเงินปันผลในวันที่ 16 ส.ค.64
*** กูรูเริ่มอัพเป้ากำไรปีนี้ หลังงบครึ่งปีแรกแจ่มเกินคาด
บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ระบุว่ากำไรสุทธิครึ่งปีแรกของ DTAC คิดเป็น 70% ของประมาณการกำไรสุทธิปี 64 เดิมของเรา ดังนั้น จึงทำให้ต้องปรับประมาณการกำไรสุทธิปีนี้ของ DTAC ขึ้นจากเดิมอีก 35% เป็น 4 พันล้านบาท เหลือหดตัว 22% จากปีก่อน เพื่อสะท้อนผลประกอบการครึ่งปีแรก ที่ออกมาดีกว่าคาดการณ์
ทั้งนี้ ภายใต้ประมาณการกำไรสุทธิใหม่ เราได้ปรับประมาณการรายได้ของ DTAC ขึ้นจากเดิม 2%, ปรับลดประมาณการต้นทุนปี 64 ลง 0.1% และ ปรับเพิ่มประมาณการค่าใช้จ่ายในการขาย และ บริหารขึ้นจากเดิมอีก 1% และได้ปรับคำแนะนำขึ้นเป็น"ซื้อ" (เดิมแนะนำ"ถือ")
เช่นเดียวกับ บล.โนมูระ พัฒนสิน ที่ปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 64 ของ DTAC ขึ้นจากเดิมอีก 43% เพื่อสะท้อนกำไรครึ่งปีแรกที่สูงกว่าคาดการณ์เดิมไว้มาก ประกอบกับ การคุมค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานของ DTAC ทำได้ดีขึ้นอีกด้วย
ด้าน บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ระบุว่า กำไรสุทธิครึ่งปีแรกของ DTAC คิดเป็น 57% ของประมาณการทั้งปีที่คาดไว้ 3.8 พันล้านบาท ขณะที่มุมมองผู้บริการของ DTAC ยังพร้อมรับมือกับการแพร่ระบาดโควิด-19 รอบใหม่ ทำให้ประมาณการดังกล่าวของเรามีอัพไซด์ราว 10-15% ซึ่งเราจะปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 64 ของ DTAC อีกครั้งในช่วงพรีวิวงบการเงินไตรมาส 3/64
*** ครึ่งปีหลังแผนลดต้นทุนเห็นผล หนุนกำไรโต QoQ
บล.เอเซีย พลัส ประเมินว่า กำไรปกติในช่วงครึ่งปีหลังของ DTAC ยังอยู่ในเกณฑ์ดี ภายใต้แผน DTAC จะเปลี่ยนบริการ 2G ที่อยู่บนคลื่น 1800 MHz และ 3G ที่อยู่บนคลื่น 850 MHz ไปอยู่บนคลื่น 900 MHz ซึ่งจะช่วยให้ DTAC ประหยัดต้นทุนค่าเช่าสินทรัพย์สัมปทานที่ใช้กับคลื่นข้างต้น ซึ่งเดิมเป็นคลื่นสัญญาสัมปทาน และลดค่าใช้จ่ายสาธารณูปโภคจากจำนวนสถานีฐานลดลง
นอกจากนี้ คลื่น 1800 MHz ที่ว่างลง จะเป็นทางเลือกให้ DTAC ในส่วนการบริการ 5G ระหว่างรอประมูลคลื่น 350 MHz ขณะที่รายได้ จะมีปัจจัยหนุนจากการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 มากขึ้น ส่งผลให้กำลังซื้อฟื้นตัวขึ้นในช่วงปลายปี หนุนกำไรสุทธิทั้งปี 64 มีแนวโน้มดีกว่าที่คาดการณ์ไว้เดิม
ขณะที่ บล.กรุงศรี มองว่า กำไรสุทธิครึ่งปีหลังของ DTAC จะแข็งแกร่งขึ้นกว่าช่วงครึ่งปีแรก โดยมีปัจจัยหนุนจากรายได้การให้บริการไม่รวมค่า IC ที่สูงขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยกระตุ้นกำไรหลักเติบโตขึ้นเทียบกับไตรมาสก่อน ติดต่อกันในช่วง 2 ไตรมาสหลังของปีนี้
ส่วน บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า แม้การแพร่ระบาดโควิด-19 ที่รุนแรงขึ้น และมีท่าทียืดเยื้อต่อไป จะเป็นปัจจัยกดดันผลประกอบการช่วงครึ่งปีหลังของ DTAC แต่ยังสามารถชดเชยได้จากภาระการลงทุนโครงข่าย 5G ที่น้อยกว่าคู่แข่ง ทำให้ DTAC ดูมีความได้เปรียบสูงกว่าคู่แข่งในระยะสั้น
*** โบรกฯชี้ ราคาหุ้นน่าสะสม รอรับข่าวบวก
บล.เอเซีย พลัส ระบุว่า ราคาหุ้น DTAC ปัจจุบันอยู่ในโซนน่าสะสม เพื่อรอรับข่าวบวก เนื่องจากราคาหุ้น ปรับตัวลงมาแล้วราว 10.5% ตั้งแต่ต้นปี (YTD) จนมี EV/EBITDA ระดับ 4.3 เท่า ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยที่ระดับ 6 เท่า ประเมินว่า เป็นการตอบรับความกังวลจากผลกระทบการลงทุนโครงข่าย 5G ไปมากพอสมควรแล้ว ขณะที่ สถานการณ์จริงดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้มาก
โดยข้อดี ที่ DTAC ได้รับจากการลงทุนโครงข่าย 5G ที่เหนือความคาดหมาย คือ การได้ประโยชน์จากคลื่นความถี่ที่เต็มประสิทธิภาพที่สุดในกลุ่ม และ กำลังจะได้รับอานิสงส์จาก Overhang จากการลงทุนโครงข่าย 5G ที่จะลดลงในช่วงปลายปีนี้อีกด้วย
ขณะที่ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า อีกหนึ่งข้อดีของ DTAC คือ เป็นบริษัทที่สามารถบริหารต้นทุนและค่าใช้จ่ายได้ดีขึ้น สะท้อนจากกระแสเงินสดจากการดำเนินงานครึ่งปีแรกอยู่ในระดับสูงราว 1.29 หมื่นล้านบาท ซึ่งเพียงพอสำหรับการลงทุน และสามารถจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นได้อย่างต่อเนื่อง
*** ส่วนใหญ่แนะนำ"ซื้อ" พร้อมอัพเป้าราคา
จากการสำรวจความคิดเห็นนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่แนะนำ"ซื้อ" และเริ่มปรับราคาเหมาะสมของ DTAC ขึ้นใหม่ด้วย สะท้อนจากผลการดำเนินงานที่ดีกว่าตลาดคาดการณ์อย่างมีนัยสำคัญ ประกอบกับ การบริหารจัดการต้นทุนได้อย่างดี และเป็นบริษัทที่มีเงินสดในมือสูง ซึ่งทำให้ผู้ถือหุ้นคลายความกังวลเรื่องจะไม่ได้รับเงินปันผลไปได้เลย
บล. |
คำแนะนำ |
ราคาเหมาะสมใหม่ (บ.) |
ราคาเหมาะสมเดิม (บ.) |
โนมูระฯ |
ซื้อ |
40.00 |
37.00 |
หยวนต้า |
ซื้อ |
39.00 |
39.00 |
เคจีไอ |
ซื้อ |
38.00 |
35.25 |
เอเชีย พลัส |
ซื้อ |
37.00 |
37.00 |
ดีบีเอสฯ |
ซื้อเก็งกำไร |
37.00 |
34.75 |
เคทีบีฯ |
ถือ |
35.00 |
35.00 |
ราคาเฉลี่ย |
37.66 |
36.33 |
หากอ้างอิงจากข้อมูลล่าสุดของนักวิเคราะห์ ดูเหมือนการเข้าลงทุนในหุ้น DTAC ช่วงนี้ จะมีความน่าสนใจมากขึ้นกว่าช่วงต้นปี ซึ่งขณะนั้น นักวิเคราะห์มองว่า กำไรสุทธิปี 64 ของ DTAC มีแนวโน้มลดลงอย่างรุนแรงได้มากสุด 42% จากปี 63 ตามการลงทุนโครงข่าย 5G ที่ต้องใช้เงินทุนสูง
แต่ความกังวลดังกล่าว ดูเหมือนจะถูกทำให้นักวิเคราะห์สบายใจมากขึ้น สะท้อนจากกำไรสุทธิครึ่งปีแรกของ DTAC ที่ประกาศออกมาได้สูงกว่าที่ตลาดคาดไว้อย่างมาก จนทำให้นักวิเคราะห์หลายราย ต้องเปลี่ยนมุมมองใหม่ ด้วยการปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 64 และราคาเหมาะสม ของ DTAC ขึ้นใหม่...