เช้านี้ CK ดีดทำนิวไฮรอบ 3 เดือน คาดรับปัจจัยหนุน รฟม. เตรียมประมูลโครงการรถไฟฟ้าสีม่วง ขณะที่ โบรกฯเตือนระวังกำไร Q3/64 วูบแรง หลังถูกโควิดเล่นงานหนัก ปิดแคมป์ก่อสร้าง 1 เดือน แต่มอง Backlog จ่อเร่งตัวสูงขึ้นตั้งแต่ Q4/64 คาดกลับไปแตะ 1 แสนลบ. ต้นปีหน้า ดันกำไรปี 65 ฟื้นแรง 45-70% YoY
*** นิวไฮ 3 เดือน หลังรฟม. จ่อเปิดประมูลสายสีม่วง
ราคาหุ้น บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) หรือ CK ช่วงเช้าวันนี้ (29 ก.ย.64) ดีดขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่ราคา 20.80 บาท ทำนิวไฮรอบ 3 เดือน ก่อนปิดซื้อขายภาคเช้าด้วยราคา 20.70 บาท เพิ่มขึ้น 0.9 บาท หรือ 4.55% มีปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้น 617.95% จาก 5 วันทำการก่อนหน้า
สาเหตุที่ทำให้ราคาหุ้น CK เช้านี้ ปรับตัวขึ้นทำนิวไฮรอบ 3 เดือน เนื่องจากกำลังได้รับ Sentiment เชิงบวก หลังการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชน (รฟม.) ออกประกาศหลักเกณฑ์การประมูลโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงเตาปูน – ราษฎร์บูรณะ มูลค่ารวม 7.8 หมื่นล้านบาท โดยเปิดขายซองประมูลราคา ต.ค.-พ.ย.นี้ กำหนดยื่นข้อเสนอเดือน พ.ย.64 และเริ่มก่อสร้างปี 65
ขณะที่ บทวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.)ฟินันเซีย ไซรัส ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า จากการเปิดประมูลโครงการดังกล่าวของ รฟม. เป็นปัจจัยบวก ต่อกลุ่มบริษัททั้งผู้รับเหมาหลัก และผู้รับเหมาฐานราก โดยมองว่า CK เป็นตัวเต็งที่จะชนะการประมูลครั้งนี้ เนื่องจากการก่อสร้างเป็นงานใต้ดินถึง 6 สัญญา จากสัญญาทั้งหมด 6 สัญญา ซึ่ง CK มีความเชี่ยวชาญการก่อสร้างประเภทดังกล่าว
*** แต่ระวังกำไร Q3/64 วูบแรง หลังโควิดระบาดหนัก
บล.เคทีบีเอสที ประเมิน ผลการดำเนินงานไตรมาส 3/64 ของ CK มีแนวโน้มหดตัวทั้งเทียบปีก่อน และไตรมาสก่อน ตามอุตสาหกรรมรับเหมาก่อสร้างที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดโควิด-19 ระลอก 3 ทำให้ต้องมีการปิดแคมป์ก่อสร้างราว 1 เดือน เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคดังกล่าว
ประกอบกับ กำไรจากบริษัทร่วมอย่าง BEM คาดลดลงอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจาก BEM ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดโควิด-19 รุนแรงเช่นกัน ส่งผลให้ทั้งจำนวนผู้โดยสารรถไฟฟ้า และ จำนวนรถยนต์ผ่านทางด่วนในช่วงไตรมาส 3/64 ลดลงสู่ระดับต่ำสุดในปีนี้
ขณะที่ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ประเมินกำไรสุทธิไตรมาส 3/64 ของ CK ไว้ที่ 200 ล้านบาท ลดลง 73% เมื่อเทียบกับปีก่อน และลดลง 37% จากไตรมาสก่อน เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดโควิด-19 ทำให้ต้องปิดแคมป์ก่อสร้างราว 1 เดือน ในช่วงดังกล่าว
แต่ผลการดำเนินงานไม่ถึงขั้นขาดทุน เพราะจะได้รับอานิสงส์จากบริษัทร่วม อย่าง CKP ที่ธุรกิจกำลังเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่น ทำให้คาดมีกำไรสุทธิราว 1 พันล้านบาท และจะแบ่งมาจ่ายเป็นเงินปันผลให้ CK ที่ถือหุ้นสัดส่วน 30% ราว 270 – 300 ล้านบาท ประกอบกับ CK ยังมีเงินปันผลรับจาก TTW อีกราว 232 ล้านบาท
*** คาดต้นปี 65 งานในมือกลับไปแตะ 1 แสนลบ.
บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) ระบุว่า ปัจจุบัน CK มี Backlog ต่ำเพียง 2.8 หมื่นล้านบาท แต่ยังมองว่าภายในสิ้นปี 64 ทาง CK จะสามารถเพิ่ม Backlog สู่ระดับ 1 แสนล้านบาทได้ภายในต้นปี 65 โดยปัจจุบัน CK มีงานที่รอเซ็นสัญญาแล้ว 1 โครงการมูลค่า 5.1 พันล้านบาท ขณะที่ ในช่วงที่เหลือของปีนี้ จะมีการเปิดประมูล 5 โครงการ ซึ่งเป็นความหวังของ CK ดังนี้
1.โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง มูลค่าโครงการ 7.6 หมื่นล้านบาท, 2.งานอุโมงค์-คลองมหาสวัสดิ์ – งานอุโมงค์-ทางระบานย้ำกรมชลประธาน มูลค่ารวม 9 ล้านบาท, 3.งานมอเตอร์เวย์ เอกชัย-บ้านแพ้ว มูลค่า 19.7 ล้านบาท, 4.โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม มูลค่า 1.2 แสนล้านบาท และ 5.โครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำหลวงพระบาง มูลค่า 1 แสนล้านบาท
อย่างไรก็ตาม โครงการทั้งหมดคาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในสิ้นปี 64 หรืออย่างช้าคือ ครึ่งแรกของปี 65 โดยคาดว่า CK จะมี Backlog เพิ่มอีก 1แสนล้านบาท จากแนวโน้มชนะการประมูล โครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำหลวงพระบางค่อนข้างสูง เนื่องจากเป็นโครงการของบริษัทร่วม
ด้าน บล.เคทีบีเอสที มองว่า Backlog ของ CK จะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 4.6 หมื่นล้านบาทในสิ้นปี 64 และเพิ่มขึ้นมากกว่า 1 แสนล้านบาท ช่วงต้นปี 65 จากงานรอเซ็นสัญญา อย่างรถไฟฟ้าทางคู่เด่นชัย บวกกับมีแต้มต่อคู่แข่งในฐานะผู้เชี่ยวชาญงานก่อสร้างใต้ดิน ซึ่งเป็นงานส่วนใหญ่ของโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ ซึ่งคาดว่า CK จะได้รับส่วนแบ่งงานดังกล่าว มูลค่า 2 หมื่นล้านบาท
*** กูรูชี้ เหมาะสำหรับซื้อลงทุนระยะยาวเท่านั้น
บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ระบุว่า การเข้าลงทุนในหุ้น CK ขณะนี้ เหมาะสำหรับนักลงทุนระยะยาวเท่านั้น เนื่องจากผลการดำเนินงานครึ่งหลังของปี 64 ยังไม่สามารถเติบโตได้โดดเด่นเท่าไรนัก เพราะยังได้รับแรงกดดันจากการแพร่ระบาดโควิด-19 อยู่บ้าง
แต่เมื่อเข้าสู่ช่วงไตรมาส 4/64 จะเริ่มมีการเปิดประมูลโครงการก่อสร้างต่างๆเพิ่มขึ้น ประกอบกับ การแพร่ระบาดโควิด-19 เริ่มคลี่คลาย ทำให้สภาวะขาดแคลนแรงงานของ CK จบลง ประกอบกับ งานประมูลในช่วงปลายปี จะเริ่มก่อสร้างในช่วงต้นปี 65 ทำให้ผลการดำเนินงานปี 65 พลิกกลับมาเติบโตเด่น โดยประเมินกำไรสุทธิปี 65 ของ CK ไว้ที่ 1.2 พันล้านบาทเติบโตขึ้น 45% จากปีก่อน
ส่วนนักวิเคราะห์อีก 2 ราย ประเมินกำไรสุทธิปี 65 ของ CK ไว้ดังนี้
บล. |
กำไรสุทธิปี 65 (ลบ.) |
%chg |
เมย์แบงก์ฯ |
1,510 |
70 |
ฟินันเซียฯ |
1,481 |
63 |
*** ส่วนใหญ่แนะนำ"ซื้อ"
จากการสำรวจความคิดเห็นนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่แนะนำ"ซื้อ" จากความคาดหวัง Backlog ของ CK จะทยอยสูงขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 4/64 เป็นต้นไป หนุนให้ผลการดำเนินงานปี 65 สามารถกลับมาเติบโตโดดเด่นอีกครั้ง
บล. |
คำแนะนำ |
ราคาเหมาะสม (บ.) |
หยวนต้า |
ซื้อ |
27.00 |
เคทีบีฯ |
ซื้อ |
22.50 |
เมย์แบงก์ฯ |
ซื้อเก็งกำไร |
22.00 |
ฟิลลิป |
ทยอยซื้อ |
22.00 |
ฟินันเซียฯ |
ซื้อ |
21.50 |
ราคาเฉลี่ย |
23.00 |
ดูเหมือนว่าความชัดเจนการกลับมาเปิดประมูลโครงการก่อสร้างของภาครัฐฯ จะสร้าง Sentiment เชิงบวกให้กับหุ้นในกลุ่มรับเหมาก่อสร้างเป็นอย่างมาก สะท้อนจากราคาหุ้นเช้านี้ที่ปรับตัวขึ้นยกแผง แต่สำหรับผู้ถือหุ้น CK ก็ยังต้องตามลุ้นต่อว่า การประมูลช่วยปลายปีนี้ CK จะสามารถโกยงานได้มากน้อยแค่ไหน เพราะเป็นตัวชี้วัดผลประกอบการช่วงปี 65-66 ได้กลายๆเหมือนกันว่า จะสดใสอย่างที่โบรกฯคาดการณ์หรือไม่ ?...