เช้านี้ราคาหุ้น BJC ดีดทำนิวไฮรอบ 1 เดือน วอลุ่มหนาแน่น คาดได้รับปัจจัยหนุน หลังไทยได้วัคซีนโควิด-19 ล็อตแรกแล้ว - งบ Q4/63 ดีกว่าตลาดคาด 10% ขณะที่นักวิเคราะห์ประเมินปี 64 กำไรฟื้นแรง 47.46 - 72.45% หลังโควิดเริ่มคลี่คลาย ..แต่การเข้าลงทุนในช่วงนี้ จะเป็นจังหวะที่เหมาะสมหรือไม่? ต้องติดตาม!
*** นิวไฮรอบ 1 เดือน หลังไทยได้วัคซีนโควิด-งบ Q4/63 ดีกว่าคาด
ราคาหุ้น บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BJC ช่วงเช้าวันนี้ (24 ก.พ.64) ดีดขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่ราคา 35.50 บาท ทำนิวไฮรอบ 1 เดือน ก่อนปิดซื้อขายภาคเช้าด้วยราคา 35.25 บาท เพิ่มขึ้น 2.25 บาท หรือ 6.82% มีปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้น 437.63% จาก 5 วันทำการก่อนหน้า
สาเหตุที่ทำให้ราคาหุ้น BJC ปรับตัวขึ้นทำนิวไฮในรอบ 1 เดือน เนื่องจากได้รับ Sentiment เชิงบวก หลังประเทศไทยได้วัคซีนโควิด-19 ล็อตแรกแล้ว นอกจากนี้ ยังได้รับปัจจัยหนุนจากการประกาศงบไตรมาส 4/63 มีกำไรสุทธิ 1.4 พันล้านบาท เติบโตขึ้น 27% จากไตรมาสก่อน โดยกำไรดังกล่าว ดีกว่าตลาดคาด 10%
ด้าน บทวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) หยวนต้า (ประเทศไทย) ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า กำไรสุทธิของ BJC ที่ปรับตัวขึ้นรายไตรมาส เนื่องจากได้แรงหนุนจากระดับมาร์จิ้นของธุรกิจบรรจุภัณฑ์ โดยเฉพาะสินค้ากระป๋อง จากกลุ่มลูกค้าใหม่ เช่น เครื่องดื่มน้ำผลไม้ และกาแฟ ซึ่งมีมาร์จิ้นสูง ขณะที่ธุรกิจค้าปลีก ยังฟื้นตัวต่อเนื่องจากไตรมาสก่อน อีกด้วย
*** ผลงานฟื้นเด่นตั้งแต่ครึ่งแรกปี 64
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ระบุว่า กำไรสุทธิของ BJC ในช่วงไตรมาส 1/64 มีแนวโน้มกลับมาเติบโตขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อน โดยมีปัจจัยหนุน จากธุรกิจบรรจุภัณฑ์มียอดขายฟื้นตัวขึ้นต่อเนื่อง โดยมีคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้นจากลูกค้าสินค้ากาแฟสำเร็จรูป ที่เปลี่ยนมาใช้กระป๋องอลูมินียม และกระป๋องขนาดใหม่สำหรับเบียร์
ขณะที่ การเติบโตยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ของ"บิ๊กซี" ในช่วงเดือน ม.ค. - ก.พ.64 ติดลบลดลงจากช่วงไตรมาส 4/63 มาอยู่ที่ราว -17% นอกจากนั้น BJC ยังมีค่าใช้จ่ายพนักงานลดลง 220 ล้านบาท/ไตรมาส จากการปรับโครงสร้างองค์กรในช่วงปีก่อน
ด้าน บล.ทิสโก้ มองว่า ผลประกอบการของ BJC ได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วเมื่อปี 63 และมีแนวโน้มฟื้นตัวดีขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 1/64 เป็นต้นไป จาก SSSG ฟื้นตัว และยังสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายได้ดีขึ้น
ส่วน บล.คันทรี่ กรุ๊ป ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ผลประกอบการของ BJC จะฟื้นตัวได้อย่างโดดเด่น ตั้งแต่ช่วงไตรมาส 2/64 เป็นต้นไป โดยมีปัจจัยหนุน จากความเชื่อมั่นของผู้บริโภคดีขึ้น หลังจากประเทศไทยจะเริ่มกระจายการฉีดวัคซีนโควิด-19 ตั้งแต่เดือน มี.ค.เป็นต้นไป
*** จ่อรับอานิสงส์"ไทยเบฟ"ขยายตลาด"เบียร์"
บล.เอเซีย พลัส ระบุว่า กลุ่ม"ไทยเบฟ" เตรียมนำธุรกิจเบียร์ (42% ของยอดขาย"ไทยเบฟ") เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ โดยหลังจากนั้น กลุ่ม"ไทยเบฟ"จะรุกตลาดเบียร์เพิ่มขึ้น ผ่านกลยุทธ์การควบรวมกิจการ (M&A) ซึ่งส่งผลให้ความต้องการใช้กระป๋อง และขวดแก้วเพิ่มขึ้น โดยจะส่งผลดีต่อผลประกอบการของ BJC ทางอ้อมอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากปัจจุบัน BJC ผลิตบรรจุภัณฑ์แก้ว และกระป๋องให้กับกลุ่ม"ไทยเบฟ" ราว 5% ของยอดขายทั้งหมด
ขณะที่ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ธุรกิจบรรจุภัณฑ์ของ BJC เป็นธุรกิจที่มีมาร์จิ้นสูง เนื่องจากอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) สูงขึ้น จากการควบคุมต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ประกอบกับ มีการประหยัดต่อขนาด (Economies of scale) มากขึ้นด้วยเช่นกัน
*** ครึ่งหลังปี 64 อาจเห็นนักท่องเที่ยวต่างชาติกลับมา
บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) มองว่าในช่วงครึ่งหลังของปี 64 มีแนวโน้มที่นักท่องเที่ยวต่างประเทศ จะกลับเข้ามาในประเทศไทยได้ หลังมีการกระจายการฉีดวัคซีนโควิด-19 ครอบคลุมหลายพื้นที่ ซึ่งจะส่งผลให้ยอดขายของ BJC เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะสาขาที่พึ่งพากำลังซื้อจากนักท่องเที่ยวต่างประเทศเป็นหลัก อาทิ บิ๊กซีราชดำริ, บิ๊กซีภูเก็ต และบิ๊กซีพัทยา เป็นต้น
*** กำไรปีนี้ฟื้นแรง 47.46 - 72.45%
บล.เอเซีย พลัส ประเมินกำไรสุทธิปี 64 ของ BJC ไว้ที่ 5.9 พันล้านบาท เติบโตขึ้น 47.46% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีปัจจัยหนุนจากธุรกิจค้าปลีกฟื้นตัวโดดเด่น จากฐานกำไรสุทธิปีก่อนอยู่ในระดับต่ำนอกจากนี้ BJC ยังมีการบริหารประสิทธิภาพภายในได้ดีขึ้น ช่วยทำให้ต้นทุนในการดำเนินธุรกิจลดลง เมื่อเทียบกับปีก่อน
เช่นเดียวกับ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ที่ประเมินกำไรสุทธิปี 64 ของ BJC ไว้ที่ 6.9 พันล้านบาท เติบโตขึ้น 72.45% เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยมีปัจจัยหนุนจากการแพร่ระบาดโควิด-19 คลี่คลายลง และเริ่มวัคซีน ที่คาดให้ผลเชิงบวก ซึ่งจะช่วยให้ผลประกอบการของธุรกิจค้าปลีกฟื้นตัวอย่างโดดเด่น
*** โบรกฯ มั่นใจปีนี้ฟื้นแรง แนะนำ"ซื้อ"
จากการสำรวจความคิดเห็นนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่แนะนำ"ซื้อ" เนื่องจากมองว่าปี 64 เป็นปีแห่งการฟื้นตัวของ BJC หลังจากปี 63 ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดโควิด-19 รุนแรง สะท้อนจาก SSSG ที่เริ่มติดลบลดลง ประกอบกับ ธุรกิจเริ่มได้รับความเชื่อมั่นมากขึ้น หลังประเทศไทยนำเข้าวัคซีนโควิด-19 ได้สำเร็จ
บล. |
คำแนะนำ |
ราคาเหมาะสม (บ.) |
ยูโอบีฯ |
ซื้อ |
39.00 |
กสิกรไทย |
ซื้อ |
39.50 |
เอเซีย พลัส |
ซื้อ |
39.50 |
เคทีบี |
ซื้อ |
43.00 |
เมย์แบงก์ฯ |
ซื้อ |
44.00 |
หยวนต้า |
ซื้อ |
47.00 |
ราคาเฉลี่ย |
42.00 |
สำหรับ นักลงทุนที่เพิ่งเข้ามาสนใจหุ้น BJC ช่วงนี้ อาจยังไม่สายเกินไปที่จะเข้าลงทุน แม้วันนี้ BJC จะดีดทำนิวไฮรอบ 1 เดือน แต่ราคาหุ้นที่ซื้อขายปัจจุบัน ยังมีอัพไซด์จากราคาเฉลี่ยของนักวิเคราะห์อีกราว 20% ขณะที่ การมาของวัคซีนโควิด-19 สร้างความเชื่อมั่นให้นักวิเคราะห์ว่ากำไรสุทธิปี 64 ของ BJC มีแนวโน้มฟื้นตัวแรงจากปีก่อน
นอกจากนี้ หากเทียบกับหุ้นในกลุ่มที่ได้รับผลกระทบโควิด-19 เมื่อปีก่อน BJC ถือว่าเป็นหนึ่งในหุ้นที่กำไรสุทธิปีนี้มีแนวโน้มฟื้นตัวกลับไปใกล้เคียงกับระดับก่อนเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในขณะที่อีกหลายบริษัทยังไม่สามารถทำกำไรกลับสู่ระดับปกติได้