STA ปิดซื้อขายเช้านี้ บวก 3.11% คาดรับปัจจัยหนุน ผู้ติดเชื้อโควิดในประเทศทรงตัวสูงต่อเนื่อง หนุนความต้องการถุงมือยางมีแนวโน้มทะลุเป้า ดันกำไรทั้งปีทำ All Time High แต่ราคาขายถุงมือยางเริ่มเป็นเทรนด์ขาลง จากจำนวนสินค้าเริ่มล้นตลาด ส่งผลให้โบรกฯหั่นเป้ากำไรปี 65 คาดหดตัวแรง ระหว่าง 34-35% YoY
*** ปิดเช้าบวก 3.11% หลังยอดติดเชื้อโควิดทรงตัวสูง
ราคาหุ้น บริษัท ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี จำกัด (มหาชน) หรือ STA ช่วงเช้าวันนี้ (29 มิ.ย.64) ดีดขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่ราคา 42.50 บาท ต่ำกว่าระดับสูงสุดของปีนี้ที่พุ่งขึ้นไปแตะระดับ 56.75 บาท ทำสถิติราคาหุ้นสูงสุดตลอดกาล (All Time High) ก่อนปิดซื้อขายภาคเช้าไปด้วยราคา 41.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.25 บาท หรือ 3.11% มีปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้น 229.76% จาก 5 วันทำการก่อนหน้า
สาเหตุที่ทำให้ราคาหุ้น STA ปิดซื้อขายเช้านี้ บวก 3.11% เนื่องจากกำลังได้รับปัจจัยหนุน จากการแพร่ระบาดโควิด-19 ระลอกสามในประเทศ ที่ยังไม่ลดระดับความรุนแรง โดยยังมีผู้ติดเชื้อรายวันเพิ่มขึ้น 4- 5 พันคน/วัน อย่างต่อเนื่อง
*** ยอดขายล้น หนุนกำไร Q2/64 ยังโตแกร่ง
บทวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เคทีบีเอสที ประเมิน ผลการดำเนินงานไตรมาส 2/64 ของ STA มีแนวโน้มอยู่ในระดับสูงใกล้เคียงกับไตรมาสก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 5.9 พันล้านบาท โดยมีปัจจัยหนุน จากปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้น จากการเพิ่มกำลังการผลิตไปในช่วงก่อนหน้านี้
ขณะที่ บล.ฟิลิป (ประเทศไทย) ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ผู้บริหาร STA ระบุว่า ความต้องการยางในช่วงไตรมาส 2/64 กลับมาเพิ่มขึ้นอีกครั้ง หลังการแพร่ระบาดโควิด-19 กลับมารุนแรง ส่งผลให้ความต้องการใช้นำยางข้นเพิ่มขึ้น หลังความต้องการถุงมือยางขยายตัวตามการแพร่ระบาดที่รุนแรงขึ้น นอกจากนี้ การแพร่ระบาดดังกล่าว ส่งผลให้คนเริ่มหันมาใช้รถยนต์ส่วนตัวมากขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยบวกต่อความต้องการยางล้อรถยนต์เพิ่มขึ้นอีกด้วย
*** กูรูมองยอดขายทั้งปีทะลุเป้า หนุนกำไร All Time High
บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ประเมินกำไรสุทธิปี 64 ของ STA ไว้ที่ 1.9 หมื่นล้านบาท ทำสถิติกำไรสูงสุดตลอดกาล (All Time High) เติบโตขึ้น 110% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากปริมาณการขายที่มีแนวโน้มทำได้มากกว่า 1.2 ล้านตัน โดยคาด STA มีแนวโน้มปรับเป้ายอดขายขึ้นได้อีก จากอุปสงค์ที่ยังเร่งขึ้นต่อเนื่อง จากความต้องการใช้ทางการแพทย์ยังสูง ประกอบกับ การรับรู้กำลังการผลิตใหม่ของบริษัท
ขณะที่ นักวิเคราะห์อีก 2 ราย ประเมินกำไรสุทธิปี 64 ของ STA ไว้ดังนี้
บล. |
กำไรสุทธิปี 64 (ลบ.) |
%chg. |
เคทีบีฯ |
21,020 |
120.50 |
เอเชีย พลัส |
18,418 |
93.20 |
*** แต่โบรกฯเริ่มหั่นเป้ากำไรปีหน้า หลังราคาถุงมือยางขาลง
แม้ช่วงไตรมาส 2/64 ปริมาณยอดขายถุงมือยางของ STA จะเพิ่มขึ้น ตามการแพร่ระบาดโควิด-19 ที่รุนแรง ประกอบกับ STA มีคำสั่งซื้อถุงมือยางยาวไปถึงช่วงปลายปี 64 แล้ว แต่ราคาขายถุงมือยางในเดือน มิ.ย.64 เริ่มปรับตัวลงอย่างมีนัยสำคัญ
โดย ผู้บริหาร STA ระบุว่า ราคาขายถุงมือยางเฉลี่ยในช่วงไตรมาส 2/64 ปรับตัวลดลงราว 15-20% มากกว่าที่คาดการณ์ ส่งผลให้ราคาขายถุงมือยางของ STA ในช่วงไตรมาส 2/64 มีแนวโน้มลดลงราว 10-15% ซึ่งเป็นผลจากจำนวนสินค้าในตลาดโลกเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับ ประชากรโลก เริ่มฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่ บล.เคทีบีเอสที ระบุว่า ได้ปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 65 ของ STA ลงจากเดิม 8% เป็น 1.3 หมื่นล้านบาท ลดลง 34% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีสาเหตุหลัก จากการปรับสมมติฐานราคาขายถุงมือยางเฉลี่ยลดลงเหลือ 1.6 บาท/ชิ้น (เดิม 1.8 บาท/ชิ้น)
สอดคล้องกับ บล.เอเซีย พลัส ที่ประเมินว่า กำไรสุทธิปี 65 ของ STA มีแนวโน้มหดตัวแรง 35% เหลือ 1.2 หมื่นล้านบาท หลังกำไรปี 64 ทำสถิติสูงสุดตลอดกาล (All Time High) ที่ระดับ 1.8 หมื่นล้านบาท โดยมีสาเหตุหลัก จากราคาขายถุงมือยางปี 65 มีแนวโน้มปรับตัวลดลง ตามการแพร่ระบาดโควิด-19 ที่เริ่มลดความรุนแรงลง หลังประชากรส่วนใหญ่ได้รับวัคซีนป้องกันโควิด-19 เพิ่มขึ้น
*** กูรูมองระยะสั้นยังน่าสนใจ อัพไซด์–ปันผลสูง
บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ระบุว่า ในระยะสั้น การเข้าลงทุนในหุ้น STA ยังมีความน่าสนใจ เนื่องจากราคาหุ้นยังมีอัพไซด์สูงราว 40% อิงจากราคาเหมาะสม 61 บาท ประกอบกับ เงินปันผลปี 64 ที่คาดว่าจะจ่ายในระดับสูง คิดเป็นอัตราผลตอบแทน (Dividend Yield) สูงถึง 9.6% หรือ 4.16 บาท/หุ้น และ ยังมีโอกาสได้รับเงินปันผลมากกว่าระดับดังกล่าว เพราะ STA มีเงินสดจำนวนมาก นอกจากนี้ ราคาหุ้น STA ณ ปัจจุบัน ยังเทรด PER64 ต่ำเพียง 3.4 เท่า และ PBV64 เพียง 1 เท่า อีกด้วย
เช่นเดียวกับบล.เอเซีย พลัส ที่มองว่า ระยะสั้น STA ยังมีความน่าสนใจ จากค่า PER64 ที่ยังอยู่ในระดับต่ำ สวนทางกำไรปีนี้ที่เติบโตโดดเด่น ประกอบกับ การจ่ายเงินปันผลในระดับสูง สะท้อนจากไตรมาส 1/64 ที่จ่าย 1 บาท/หุ้น คิดเป็น Dividend Yield สูงถึง 2.1% ซึ่งทั้งปี 64 คาดว่า STA จะจ่ายเงินปันผล คิดเป็น Dividend Yield ระดับ 8.1%
*** โบรกฯ ยังแนะนำ"ซื้อ"
จากการสำรวจความคิดเห็นนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ยังแนะนำ"ซื้อ" เนื่องจากมองว่ากำไรสุทธิปีนี้ของ STA มีแนวโน้มเติบโตทำสถิติสูงสุดตลอดกาลของบริษัท ประกอบกับ STA ยังมีการจูงใจนักลงทุน ด้วยนโยบายการจ่ายเงินปันผลในระดับสูง จึงทำให้นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่มองว่า ในระยะสั้น STA ยังมีความน่าสนใจ
บล. |
คำแนะนำ |
ราคาเหมะสม (บ.) |
หยวนต้า |
ซื้อ |
61.00 |
เอเชีย พลัส |
ซื้อ |
60.00 |
เคทีบีฯ |
ซื้อ |
58.00 |
ฟิลลิป |
ซื้อ |
52.50 |
ราคาเฉลี่ย |
57.87 |
แม้นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่จะมองว่า ในระยะสั้น STA ยังมีความน่าสนใจ จากกำไรสุทธิที่มีแนวโน้มเติบโตโดดเด่น – ปันผลสูง แต่สิ่งที่น่าติดตามมากกว่านั้น คือ เมื่อเข้าสู่ปี 65 ซึ่งหลายฝ่ายคาดว่า การแพร่ระบาดโควิด-19 จะลดความรุนแรงลง STA จะยังคงประคองกำไรสุทธิให้อยู่ในระดับหมื่นล้าน และ สามารถจ่ายเงินปันผลในระดับสูงเหมือนปี 64 ได้หรือไม่ ?