ราคาหุ้น CBG เช้าวันนี้ ดีดทำนิวไฮรอบ 2 เดือน สวนทาง SET Index ที่ปิดซื้อขายภาคเช้าในแดนลบ โดยนักวิเคราะห์มองว่า CBG มีแรงหนุนจากกำไร Q4/63 ที่จะทำนิวไฮต่อเนื่อง 5 ไตรมาสติด ขณะที่กำไรปี 64 มีแนวโน้มโตเด่นจากรายได้ในประเทศ – ต่างประเทศ ขยายตัว แต่การเข้าลงทุนในหุ้น CBG ช่วงนี้ จะเป็นจังหวะที่เหมาะสมหรือไม่? ต้องติดตาม!
*** ดีดนิวไฮรอบ 2 เดือน รับกำไร Q4/63 ทำนิวไฮ 5 ไตรมาสติด
ราคาหุ้น บริษัท คาราบาวกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CBG ช่วงเช้าวันนี้ (14 ม.ค.64) ดีดขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่ราคา 125.50 บาท ทำนิวไฮในรอบ 2 เดือน ก่อนปิดซื้อขายภาคเช้าด้วยราคา 124 บาท เพิ่มขึ้น 4.50 บาท หรือ 3.77% มีปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้น 311.29% จาก 5 วันทำการก่อนหน้า
โดย บทวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) หยวนต้า (ประเทศไทย) ระบุถึงสาเหตุที่ทำให้ราคาหุ้น CBG ปรับตัวขึ้นทำนิวไฮในรอบ 2 เดือน เนื่องจากมีปัจจัยบวกหนุน อาทิ กำไรปกติไตรมาส 4/63 คาดทำได้ 1,054 ล้านบาท ซึ่งจะทำนิวไฮเป็นไตรมาสที่ 5 ติดต่อกัน จากแรงหนุนของยอดขาย Woody C+Lock และอานิสงส์เชิงบวกจากโครงการคนละครึ่ง
*** Woody C+Lock ยังเป็นแกนหลักหนุนการเติบโต
ช่วงกลางเดือน ธ.ค.ที่ผ่านมา ศูนย์ทดสอบฉลาดซื้อ มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค เผยผลทดสอบปริมาณวิตามินซีในเครื่องดื่มผสมวิตามินซี จำนวน 47 ตัวอย่าง ที่วางจำหน่ายทั่วไป ปรากฏว่า Woody C+Lock เป็นเครื่องดื่มที่มีวิตามินซีผสมสูงสุด 502.37 mg/serving size ซึ่งสูงกว่าที่ระบุไว้บนฉลาก
โดย บล.เคทีบี (ประเทศไทย) ระบุว่า มีมุมมองเชิงบวกจากปัจจัยดังกล่าว โดยคาดว่า จะทำให้มีผู้บริโภคหันมาดื่ม Woody C+Lock เพิ่มขึ้น เนื่องจากมีปริมาณวิตามินซีสูงที่สุด และมีราคาเพียงขวดละ 15 บาท ซึ่งถือว่าถูกกว่าคู่แข่ง โดยคาดว่าในปี 64 ยอดขาย Woody C+Lock จะทำได้ 97 ล้านขวด หรือ 970 ล้านบาท เติบโตขึ้น 62% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากตลาดเครื่องดื่มสุขภาพขยายตัวต่อเนื่อง
*** Q1/64 เดินเครื่องผลิตกล่องกระดาษใช้เอง หนุน GPM เพิ่ม 1.5 -2%
บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ระบุว่า ในช่วงไตรมาส 1/64 CBG จะเริ่มเดินเครื่องผลิตกล่องกระดาษเชิงพาณิชย์เพื่อใช้ในธุรกิจ ซึ่งจะช่วยเพิ่มภาพลักษณ์สินค้าให้ดูดีขึ้น และช่วยลดต้นทุนการผลิตได้อย่างมีนัยสำคัญ และยังเป็นปัจจัยสำคัญที่จะหนุนอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ขยายตัวต่อเนื่อง
นอกจากนี้ การลงทุนเครื่องจักรใหม่ที่จะใช้ผลิตกล่องกระดาษ ยังทำให้อัตราภาษีที่แท้จริง (Effective tax rate) ของ CBG ในช่วง 5 ปีข้างหน้าต่ำกว่าระดับ 20% โดยคาดอยู่ที่ 18%
ด้าน บล.ฟินันเซีย ไซรัส ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า โรงงานใหม่ของ CBG อาจช่วยเพิ่ม GPM ได้ราว 1.5 – 2% หรือราว 200 ล้านบาท หลังเดินเครื่องผลิตเต็มกำลัง
*** ปี 64 รุกหนักเมียนมาร์ รายได้ยังมีอัพไซด์
บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ปี 64 CBG จะรุกหนักตลาดเมียนมาร์มากขึ้น ซึ่งปัจจุบันมีจุดศูนย์กลางขายสินค้าอยู่เพียง 2 เมืองหลัก ประกอบด้วย ย่างกุ้ง และ มัณฑะเลย์ เท่านั้น จึงยังมีโอกาสที่ CBG จะสร้างการเติบโตได้อีกมาก จากการเพิ่มจุดศูนย์กลางจำหน่ายสินค้าออกไปยังหัวเมืองต่าง ๆ ของเมียนมาร์
ขณะที่ รายได้จากการรับจ้างจัดจำหน่าย และ OEM ขวดแก้วในเมียนมาร์ ยังเติบโตโดดเด่น ซึ่งจะทำให้ GPM ขยายตัวด้วย เนื่องจาก CBG มีสินค้าแอลกอฮอล์ที่ได้รับการตอบรับที่ดีจากชาวเมียนมาร์ โดยเป็นสินค้าที่มีมูลค่าสูง และจะเปิดตัวสินค้าใหม่ในปีนี้ที่เมียนมาร์เพิ่มด้วย
สอดคล้องกับ บล.ฟินันเซีย ไซรัส ที่ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ตลาดเมียนมาร์ยังเป็นกุญแจสำคัญในการเติบโตของ CBG โดยคาดว่ายอดขายอาจพุ่งสูงถึง 4,000 ล้านบาท ในปี 65 เทียบกับปี 63 ที่คาดอยู่ราว 1,900 ล้านบาท จากการขยายศูนย์กลางจำหน่ายสินค้าเพิ่มขึ้น และการออกสินค้าใหม่
*** โบรกฯ พร้อมใจปรับกำไรปี 64 ขึ้น
บล.เคทีบี (ประเทศไทย) ปรับกำไรสุทธิปี 64 ของ CBG ขึ้นเป็น 4,762 ล้านบาท เติบโตขึ้น 28% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (เดิมคาด 4,459 ล้านบาท) โดยมีแรงหนุนจากรายได้ในประเทศเติบโตขึ้น 18% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเฉพาะเครื่องดื่มชูกำลังคาดเติบโต 7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากเศรษฐกิจฟื้นตัว ทำให้เกิดการจ้างงานแรงงานเพิ่มขึ้น
ขณะที่รายได้ต่างประเทศคาดเติบโตขึ้น 21% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการขยายตลาด และ GPM ขยายตัวต่อเนื่อง จาก โรงงานที่เพิ่มขึ้นทั้ง ACM, APG และ APM เป็นต้น
เช่นเดียวกับ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ที่ปรับกำไรสุทธิปี 64 ของ CBG ขึ้นอีก 11% เป็น 4,608 ล้านบาท เติบโตขึ้น 27% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีแรงหนุนจาก GPM ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเป็น 43.5% จาก 42.9% จากการเกิด Economy of scale ประกอบกับรายได้รับจ้างจัดจำหน่ายเติบโต, การลดต้นทุนการผลิตภายใน SG&A ต่ำกว่าคาด และอัตราภาษีปรับลง
*** บางโบรกฯมองราคาแพง แต่ยังน่าสนใจ
บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ระบุว่า ราคาหุ้น CBG ปัจจุบันซื้อขายด้วย PER64 ที่ 25.9 เท่า ซึ่งอาจจะเป็นหุ้นที่แพงที่สุดในกลุ่มเครื่องดื่มในแง่ของ PER แต่ยังต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตที่ 35 - 40 เท่า โดย CBG มีการเติบโตในช่วง 5 ปีข้างหน้าที่ชัดเจน ซึ่งมั่นคงมากสำหรับบริษัทในกลุ่มเครื่องดื่ม จึงทำให้หุ้น CBG ยังมีความน่าสนใจ
*** โบรกฯ แนะนำ”ซื้อ”
จากการสำรวจความคิดเห็นนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่แนะนำ”ซื้อ” โดยมีสาเหตุหลักจากกำไรปกติไตรมาส 4/63 ของ CBG จะทำนิวไฮเป็นไตรมาสที่ 5 ติดต่อกัน ขณะที่ปี 64 ยังมีแนวโน้มเติบโตที่โดดเด่น จากรายได้ต่างประเทศ และในประเทศ ขยายตัวตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และการจ้างแรงงาน เพิ่มขึ้น
บล. |
คำแนะนำ |
ราคาเหมาะสม (บ.) |
ฟินันเซีย ไซรัส |
ซื้อ |
150 |
หยวนต้า |
ซื้อ |
152.50 |
เคทีบี |
ซื้อ |
181 |
ราคาเฉลี่ย |
161.16 |
สำหรับนักลงทุนที่เพิ่งเข้ามาสนใจหุ้น CBG อาจยังไม่สายที่จะเข้าลงทุน เนื่องจากราคาหุ้นที่ซื้อขาย ปัจจุบัน ยังมีอัพไซด์จากราคาเฉลี่ยของนักวิเคราะห์สูงราว 30.49% นอกจากนี้ CBG ยังสามารถฉายภาพการเติบโตในอนาคตได้อย่างเป็นรูปธรรม จึงถือว่าเป็นอีก 1 หุ้นเติบที่น่าสนใจ...