หลังจาก KEX เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯเป็นวันแรก ราคาหุ้นก็พุ่งขึ้นไปบวกถึง 160% จากราคาไอพีโอที่ 28 บาท ซึ่งนักลงทุนก็พอจะรู้ว่าหุ้น KEX ถือว่าซื้อขายกันไปเกินมูลค่ามากแล้ว แต่การที่ราคาหุ้นจะร่วงลงมาใกล้ราคาไอพีโอให้เข้าซื้อ ก็คงจะเป็นเรื่องยากเช่นกัน... ดังนั้นมาดูกันว่าราคาหุ้นในตอนนี้ ต้องถืออีกกี่ปีถึงจะคุ้ม ?
*** เทรดวันแรก ราคาพุ่งไปถึง 160% จากราคาไอพีโอ
วันนี้ราคาหุ้น บริษัท เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ KEX เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เป็นวันแรก ราคาหุ้นดีดไปทำจุดสูงสุดถึง 73 บาท หรือ +160% จากราคาไอพีโอที่ 28 บาทเท่านั้น สะท้อนได้เป็นอย่างดีว่านักลงทุนพร้อมที่จะเข้าซื้อหุ้น KEX ไม่ว่าจะอยู่ที่ราคาเท่าไหร่ก็ตาม เพราะมีความหวังเป็นอย่างยิ่งว่าหุ้นตัวนี้จะทำกำไรเติบโตได้อย่างมหาศาลในอนาคต....
อย่างไรก็ดีนักลงทุนหลายรายกลับไม่คิดเช่นนั้น ทำให้ราคาหุ้นถูกถล่มขายทำกำไรออกมาลงไปทำจุดต่ำสุดของวันที่ 46 บาท และบวกขึ้นมาปิดตลาดไปที่ 51.25 บาท เพิ่มขึ้น +23.25 บาท หรือ +83.04% จากราคาไอพีโอ ด้วยมูลค่าซื้อขายที่ 25,264.51 ล้านบาท
*** ส่องรายได้-กำไรเติบโตชะลอตัว แม้ได้ผลดีจากโควิด-19
KEX ก่อตั้งขึ้นในปี 2557 ปัจจุบัน KEX เป็นผู้ให้บริการธุรกิจจัดส่งพัสดุด่วนภาคเอกชนอันดับ 1 ในประเทศไทย มีเครือข่ายให้บริการครอบคลุมทั้ง 77 จังหวัด จุดให้บริการ 15,000 แห่ง ศูนย์กระจายพัสดุ 1,200 แห่ง โดยแบ่งกลุ่มลูกค้าเป็น 3 กลุ่มหลัก ได้แก่
1. บุคคล ส่งถึง บุคคล (C2C) รายได้ 53.9%
2. ธุรกิจ ส่งถึง บุคคล (B2C) รายได้ 44.3%
3. ธุรกิจ ส่งถึง ธุรกิจ (B2B) รายได้ 1.7%
ในปี 60 - 62 รายได้และกำไรเติบโตต่อเนื่องทุกปี อย่างไรก็ดีอัตรากำไรสุทธิกลับปรับตัวลดลงทุกปีเช่นกัน ดังนี้
|
ปี 60 |
ปี 61 |
ปี 62 |
สิ้นสุด ก.ย. 63 |
รายได้(ลบ.) |
6,626 |
13,565(+104%) |
19,781(+45%) |
14,688(+0.23%) |
กำไรสุทธิ(ลบ.) |
730 |
1,185(+62%) |
1,328(+12%) |
1,030(+14%) |
อัตรากำไรสุทธิ |
11% |
8.7% |
6.7% |
7% |
สิ่งที่นักลงทุนพอจะเห็นภาพก็คือ รายได้และกำไรสุทธิของ KEX เติบโตในอัตราที่ชะลอตัวลงในทุกๆปี โดยเฉพาะในงวด 9 เดือนปี 63 แม้บริษัทจะชี้แจงว่าธุรกิจ C2C และ B2C ได้รับผลดีจากโควิด-19 ทำให้ปริมาณความต้องการใช้บริการขนส่งสินค้าเพิ่มขึ้นก็ตาม ประกอบกับที่บริษัทขยายสาขาไปทั่วประเทศไทยแล้วถึง 77 จังหวัด คำถามคือการเติบโตของบริษัทจะยังเกิดขึ้นได้จริงหรือไม่ ?
*** ตอนนี้ซื้อขายด้วย P/E ที่ 61.14 เท่า แซงหน้าบริษัทแม่ที่ 13.57 เท่า
ทั้งนี้ หากนำราคาปิดตลาดล่าสุดของ KEX มาคำนวณ P/E Ratio (ราคาหุ้นต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น) ปัจจุบันถือว่าสูงถึง 61.14 เท่า นอกจากนี้ยังมากกว่า Kerry Logistics Network(0636) บริษัทแม่ที่ซื้อขายอยู่ในตลาดหุ้นฮ่องกง ซึ่งปัจจุบันมี P/E ที่ 13.57 เท่า และมีเครือข่าย Kerry อยู่ในหลายประเทศ ปัจจุบันมีมูลค่าตลาดอยู่ที่ 122,026 ล้านบาท ขณะที่ KEX มีมูลค่าอยู่ที่ 89,175 ล้านบาทไปแล้ว
ทีนี้ลองมาเปรียบเทียบกันว่า P/E ของ KEX อยู่ส่วนไหนของโลก
หุ้น |
ตลาดที่จดทะเบียน |
P/E(เท่า) |
YTO Express |
เซี่ยงไฮ้ |
23.50 |
Yunda Holding |
ฮ่องกง |
28.91 |
ZTO |
อเมริกา |
33.40 |
STO Express |
เซิ่นเจิ้น |
33.45 |
Yamato Holding |
โตเกียว |
39.05 |
Blue Dart Express |
อินเดีย |
58.84 |
KEX |
ไทย |
61.14 |
CJ Logistics |
เกาหลี |
89.37 |
*** เต็มมูลค่าแล้ว กำไรต้องโตแค่ไหน P/E เป็นเท่าไหร่ ?
สิ่งที่ยากที่สุดในการเข้าซื้อหุ้น KEX ก็คือเราไม่มีทางรู้เลยว่ากำไรสุทธิในอนาคตจะไปทางไหนกันแน่ ? แต่ที่เรามองเห็นก็คือรายได้และกำไรสุทธิของบริษัทในช่วงที่ผ่านมา เริ่มเติบโตชะลอตัวลงไปบ้างแล้ว ทีนี้เรามาลองดูนักวิเคราะห์กันบ้างว่ามองกำไรสุทธิไว้ที่เท่าไหร่
บริษัทหลักทรัพย์(บล.)บัวหลวง ระบุถึงแนวโน้มการเติบโตของ KEX ว่า การขยายตัวอย่างรวดเร็วของการซื้อขายผ่านช่องทางออนไลน์ในประเทศไทยจะเป็นตัวหนุนทั้งจำนวนการขนส่งและกำไรในอนาคต ยิ่งไปกว่านั้นการที่บริษัทมีโครงสร้างฟื้นฐานและโครงข่ายการขนส่งที่แข็งแกร่งจากการขยายตัวเชิงรุกในช่วงหลายปีที่ผ่านมาทำให้เกิดการประหยัดต่อขนาด และสร้างความสามารถในการแข่งขันซึ่งเรามองประเด็นตรงนี้เป็นการป้องกันกันแข่งขันจากผู้เล่นรายใหม่ได้
โดยหากหากผู้เล่นรายใหม่ใช้ราคาเดียวและคุณภาพเดียวกับบริษัทเราคาดผู้เล่นใหม่จะยังคงขาดทุนถึง 15 บาท/ชิ้น และยิ่งการแข่งขันราคารุนแรงยิ่งขาดทุนหนัก ในขณะที่ KEX ยังคงมีกำไรในด้านของสถานะทางการเงิน ซึ่งหลังไอพีโอเราคาดว่าบริษัทจะมีเงินสดในมือถึง 1.4 หมื่นล้านบาท (D/E ที่ 0.1 เท่า) โดยรวมเราประเมินการเติบโตของกำไรเฉลี่ย (CAGR) ปี 63 - 66 ที่ 21% เราชอบ KEX ที่สุดในกลุ่มขนส่ง
โดยที่นักวิเคราะห์ประเมินกำไรปี 63 - 66 ไว้ดังนี้
ปี |
กำไรสุทธิ(ลบ.) |
P/E เท่า* |
63 |
1,412 |
63 |
64 |
1,733 |
51.4 |
65 |
2,064 |
43.2 |
66 |
2,512 |
35.4 |
*ใช้ราคาปิดล่าสุดในการคำนวน
*** โบรกฯ มองเต็มมูลค่าแล้ว... ต่อไปมีอะไรทำให้โตได้อีก?
แม้บล.บัวหลวงจะมองว่า KEX มีผลประกอบการที่เติบโตอย่างแข็งแกร่งในอนาคต และแนะนำให้ "ซื้อ" แต่กลับให้มูลค่าเหมาะสมของปี 64 ไว้ที่เพียง 37 บาทเท่านั้น หากเทียบกับราคาหุ้นปิดล่าสุดที่ 51.25 บาท ถือว่ามีดาวน์ไซด์ถึง 27% ด้วยกัน
มีอะไรที่จะทำให้เติบโตได้อีกบ้าง นายอิศรินทร์ ภัทรมัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานการลงทุน KEX ระบุว่า การเติบโตของธุรกิจอีคอมเมิร์ซ และการปรับปรุงคุณภาพการขนส่งของบริษัทจะทำให้กำไรของบริษัทสูงขึ้น คาดในปี 66 ความสามารถในการคัดแยกพัสดุจะเพิ่มเป็น 3 ล้านชิ้นต่อวัน จากปัจจุบัน 1.9-2 ล้านชิ้นต่อวัน
รวมถึงการเปิดธุรกิจร่วมกับ BTS ซึ่งเป็นพันธมิตรหลักในประเทศไทย บริษัทจะพัฒนาการให้บริการในรูปแบบอื่นๆ เพิ่มเติมมากขึ้นด้วย
หาก KEX ไม่สามารถสร้างการเติบโตที่เหนือกว่านักวิเคราะห์มองไว้ได้เลย การซื้อหุ้นในตอนนี้และถือไปอีก 3 ปี P/E จะลดลงมาอยู่ที่ 35.4 เท่า ซึ่งก็ยังไม่ถือว่าต่ำนัก ดังนั้นนักลงทุนอาจต้องพิจารณาจุดเข้าซื้อหุ้นให้ดี รวมถึงจับตาดูความร่วมมือกับ KEX ระหว่าง BTS VGI และบริษัทร่วมอื่นๆ อย่าง COM7 RS และ AU เอาไว้ด้วย ว่าจะหนุนให้ผลประกอบการเติบโตได้เกินคาดกว่านี้หรือไม่?