STEC ปิดเทรดเช้านี้บวก 3.65% หลังคลายกังวลโควิด Omicron ขณะที่โบรกฯประเมินโควิดสงบ – งานมาร์จิ้นต่ำหมด ดันกำไรฟื้นตั้งแต่ Q4/64 จับตา Backlog จ่อทะลุ 1 แสนลบ. ส่วนปี 65 คาดก่อสร้างกลับสู่ภาวะปกติ หนุนกำไรฟื้นแรง 72 - 139% YoY
*** ปิดเช้าบวก 3.65% หลังคลายกังวลโควิดพันธุ์ Omicron
ราคาหุ้น บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น จำกัด(มหาชน) หรือ STEC ช่วงเช้าวันนี้ (9 ธ.ค.64) ดีดขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่ราคา 14.30 บาท ก่อนปิดซื้อขายภาคเช้าด้วยราคา 14.20 บาท เพิ่มขึ้น 0.5 บาท หรือ 3.65% มีปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้น 116.50% จาก 5 วันทำการก่อนหน้า
สาเหตุที่ทำให้ราคาหุ้น STEC ปิดซื้อขายเช้านี้บวก 3.65% เพราะมีปัจจัยหนุน จากการแพร่ระบาดโควิด-19 สายพันธุ์ Omicron ที่ไม่ได้มีความรุนแรงอย่างที่หลายฝ่ามีความกังวล ในช่วงแรกที่มีการพบการแพร่ระบาดของสายพันธุ์ดังกล่าว ส่งผลให้กิจกรรมก่อสร้าง ยังสามารถดำเนินต่อไปได้ตามปกติ
*** กูรูชี้ผ่านจุดต่ำสุดแล้ว หลังโควิดสงบ – อัตรากำไรสูงขึ้น
ก่อนหน้านี้ ผลประกอบการช่วงไตรมาส 2-3/64 ของ STEC ถูกกดดันอย่างหนัก จากงานก่อสร้างรัฐสภาที่ให้อัตรากำไรระดับต่ำ ประกอบกับ การแพร่ระบาดโควิด-19 ที่รุนแรงในช่วงไตรมาส 2-3/64 ส่งผลให้ รัฐบาลต้องกลับมาใช้มาตรการล็อกดาวน์ และ กิจกรรมก่อสร้างต้องปิดชั่วคราว
โดย บทวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ฟินันเซีย ไซรัส มองว่า ผลการดำเนินงานของ STEC ได้ผ่านจุดต่ำสุดแล้ว และคาดว่า กำไรสุทธิไตรมาส 4/64 ของ STEC จะฟื้นตัวขึ้นจากไตรมาสก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 136 ล้านบาท โดยมีปัจจัยหนุน จากการก่อสร้างกลับสู่ภาวะปกติ หลังการแพร่ระบาดโควิด-19 เริ่มคลี่คลาย
ขณะที่ STEC ยังเดินหน้าก่อสร้างงานหลัก อย่าง รถไฟฟ้าสายสีชมพู และ สีเหลือง รวมถึงโรงไฟฟ้าปลวกแดง นอกจากนี้ ยังเริ่มรับรู้รายได้จากงานใหม่ในช่วงครึ่งปีแรก อย่าง โรงไฟฟ้าหินกลอง มูลค่า 8.2 พันล้านบาท และ โครงการศูนย์ราชการโซน C มูลค่า 5.8 พันล้านบาท รวมทั้งอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ยังทยอยฟื้นตัวขึ้น ตั้งแต่ช่วงปลายไตรมาส 3/64
เช่นเดียวกับ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) ที่มองว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 4/64 ของ STEC จะฟื้นตัวขึ้นจากไตรมาสก่อน เนื่องจากไม่มีการปิดแคมป์ก่อสร้างเหมือนช่วงไตรมาส 3/64 อีกทั้ง อัตรากำไรของ STEC ยังปรับตัวขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ หลังงานก่อสร้างรัฐสภาสิ้นสุดลง และ ปัญหาแรงงานตึงตัวกลับมามีสถานการณ์ดีขึ้น
*** โบรกฯอัพเป้ากำไรปีนี้ หลังก่อสร้างกลับสู่ภาวะปกติ
บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุว่า ได้ปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 64 ของ STEC ขึ้นเป็น 620 ล้านบาท หดตัว 43% จากปีก่อน (เดิม 553 ล้านบาท หดตัว 50% จากปีก่อน) สะท้อนจากภาคอุตสาหกรรมก่อสร้างกลับสู่ภาวะปกติ ประกอบกับ อัตรากำไรของ STEC เริ่มส่งสัญญาณฟื้นตัว หลังโครงการที่ไม่ทำกำไรสิ้นสุดลง ประกอบกับ ค่าใช้จ่ายในการบริหารลดลง
ขณะที่ นักวิเคราะห์อีก 2 ราย ประเมินกำไรสุทธิปี 64 ของ STEC ไว้ดังนี้
บล. |
กำไรสุทธิปี 64 (ลบ.) |
%chg YoY |
หยวนต้า |
675 |
-38 |
เอเชีย พลัส |
653 |
-40 |
*** อีกจุดเด่น คือ Backlog สูง มีโอกาสทะลุ 1 แสนลบ.
บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ระบุว่า จุดเด่นของ STEC อีก 1 อย่าง คือ งานในมือ (Backlog) ที่ยังอยู่ในระดับสูงราว 8 หมื่นล้านบาท ซึ่งยังไม่รวมงานที่อยู่ระหว่างรอเซ็นสัญญา จาก งานรถไฟทางคู่เส้นทางใหม่ เด่นชัย – เชียงราย – เชียงของ ที่ STEC รับงานร่วมกับพันธมิตร คือ CK ซึ่งคาดได้รับงานราว 1.5 หมื่นล้านบาท
นอกจากนี้ ยังมีงานโครงการสนามบินอู่ตะเภา วงเงิน 2.7 หมื่นล้านบาท คาดว่า หลังมีการเซ็นสัญญา 2 โครงการดังกล่าว จะทำให้ Backlog ของ STEC เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 1.2 แสนล้านบาท
ขณะที่ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ระดับ Backlog ณ ปัจจุบัน ของ STEC สามารถรับประกันรายได้อีกอย่างน้อย 2 ปี แม้ในระยะถัดไปจะมีผลกระทบจากการประมูลงานก่อสร้างขนาดใหญ่เกี่ยวกับสาธารณูปโภคของภาครัฐ อาจล่าช้าก็ตาม
ทั้งนี้ ยังคาดว่า STEC มีโอกาสจะได้รับงานใหม่ จากการประมูลโครงการก่อสร้างต่างๆของภาครัฐในปี 65 เข้ามาเพิ่ม Backlog ให้สูงขึ้นด้วย ซึ่งโดยปกติอัตราการประมูลงานสำเร็จของ STEC จะอยู่ที่ 25%
*** จับตากำไรปี 65 ฟื้นแรง 72 - 139% หลังโควิดสงบ
บล.เคทีบีเอสที ประเมินกำไรสุทธิปี 65 ของ STEC ไว้ที่ 1.1 พันล้านบาท เติบโตขึ้น 139% จากปีก่อน โดยมีปัจจัยหนุน จากกิจกรรมก่อสร้างเริ่มกลับสู่ระดับปกติ ตั้งแต่ช่วงปลายปี 64 และ คาดว่าจะดีต่อเนื่องตลออดปี 65 หลังการแพร่ระบาดโควิด-19 เริ่มคลี่คลายลง ซึ่งเป็นแรงเสริมให้รายได้จากการก่อสร้างในปี 65 กลับสู่ภาวะปกติที่ 8 – 9 พันล้านบาท/ไตรมาส
สอดคล้องกับ บล.ฟินันเซีย ไซรัส ที่ประเมินกำไรสุทธิปี 65 ของ STEC ไว้ที่ 1.1 พันล้านบาท เติบโตขึ้น 72% จากปีก่อน ตามรายได้ที่คาดว่าจะเติบโตขึ้น 18% จากปีก่อน เป็น 3.3 หมื่นล้านบาท หลังทยอยรับรู้ Backlog และความคืบหน้าของโรงไฟฟ้าหอนกลองที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
นอกจากนี้ STEC ยังจะเริ่มก่อสร้างโครงการใหม่ อาทิ สนามบินอู่ตะเภา, มอเตอร์เวย์บางใหญ่ – กาญจนบุรี และ บางปะอิน – นครราชสีมา รวมถึงรถไฟรางคู่เด่นชัย – เชียงราย – เชียงของ ที่อยู่ระหว่างรอเซ็นสัญญา ขณะที่ การฟื้นตัวของ GPM จะเป็นอีกแรงหนุนสำคัญ โดยคาด GPM กลับสู่ระดับปกติที่ 5.3% หลังไม่ถูกกดดันจากงานที่มีมาร์จิ้นต่ำ รวมถึงสัดส่วนรับรู้มาร์จิ้นสูงขึ้น โดยเฉพาะการก่อสร้างโรงไฟฟ้า
ขณะที่ นักวิเคราะห์ อีก 2 ราย ประเมินกำไรสุทธิปี 65 ของ STEC ไว้ดังนี้
บล. |
กำไรสุทธิปี 65 (ลบ.) |
%chg YoY |
หยวนต้า |
1,206 |
79 |
เอเชีย พลัส |
1,144 |
75 |
*** กูรูมอง Valuation ปัจจุบัน ยังน่าสนใจเข้าสะสม
บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) ระบุว่า จากการประเมินมูลค่า (Valuation) ของ STEC ถือว่ายังมีความน่าสนใจเข้าลงทุน สะท้อนจากปัจจุบันเทรด PBV ที่ระดับ 1.84 เท่า ซึ่งเป็นระดับที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลังช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ประกอบกับ ราคาหุ้น ณ ปัจจุบัน ยังมีอัพไซด์ค่อนข้างสูง เมื่อเทียบกับราคาเหมาะสมของเราที่ 18 บาท/หุ้น
ขณะที่ บล.เคทีบีเอสที ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ในช่วงสั้น ยังมีปัจจัยบวกที่สามารถหนุนราคาหุ้น STEC ให้ปรับตัวขึ้นได้ อาทิ ความคืบหน้าการเซ็นสัญญารถไฟทางคู่เด่นชัย และ การเปิดประมูลโครงการใหม่ เช่น รถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ ขณะที่ ยังมีปัจจัยหนุนเพิ่มเติม จากความเป็นไปได้ ในการลงทุนเพิ่มเติมของโครงการก่อสร้างสนามบินอู่ตะเภาเฟส 1
*** ส่วนใหญ่แนะนำ"ซื้อ"
จากการสำรวจความคิดเห็นนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ยังคงแนะนำ"ซื้อ" เนื่องจากมองว่า ผลการดำเนินงานของ STEC ได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว โดยประเมินว่า ตั้งแต่ไตรมาส 4/64 จะเป็นจุดเริ่มต้นการฟื้นตัวของ STEC หลังการแพร่ระบาดโควิด-19 เริ่มคลี่คลายลง ประกอบกับ งานที่ให้มาร์จิ้นต่ำหมดลง และ ทยอยรับงานที่ให้มาร์จิ้นสูงขึ้น ช่วยหนุนกำไรฟื้นตัวในระยะยาว
บล. |
คำแนะนำ |
ราคาเหมาะสม (บ.) |
หยวนต้า |
ซื้อ |
21.50 |
ดีบีเอสฯ |
ซื้อ |
18.00 |
เอเชีย พลัส |
ซื้อ |
18.00 |
ฟินันเซียฯ |
ซื้อ |
17.00 |
เคทีบีฯ |
ซื้อ |
16.00 |
ราคาเฉลี่ย |
18.10 |
ราคาหุ้น STEC ณ ปัจจุบัน มีอัพไซด์สูงราว 27% เมื่อเทียบกับราคาเหมาะสมเฉลี่ยของนักวิเคราะห์ ซึ่งเมื่ออ้างอิงการคาดการณ์ผลการดำเนินงานในช่วงปี 65 ของโบรกเกอร์ ถือว่า STEC กลับมาเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจอีกครั้ง สำหรับนักลงทุนที่กำลังมองหา หุ้นที่ผลการดำเนินงานมีแนวโน้มฟื้นตัว และ อัพไซด์ยังเปิดกว้าง....