เช้านี้ SPRC ดีดทำนิวไฮรอบ 2 ปี หลังค่าการกลั่นฟื้นตามกิจกรรมเดินทาง แต่โบรกฯเตือนงบ Q3/64 เป็นจุดต่ำสุดของปี คาดกำไรไว้ที่ 103 ลบ. วูบหนักทั้ง YoY-QoQ ก่อนฟื้นไตรมาสสุดท้าย หลังโควิดสงบ ติง Valuation ณ ปัจจุบัน แพงกว่ากลุ่ม แนะเพียงเก็งกำไรระยะสั้น ตามค่าการกลั่นฟื้นเท่านั้น
*** นิวไฮรอบ 2 ปี รับค่าการกลั่นฟื้นตามกิจกรรมเดินทาง
ราคาหุ้น บริษัท สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ SPRC ช่วงเช้าวันนี้ (14 ต.ค.64) ดีดขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่ราคา 11.30 บาท ทำนิวไฮรอบ 2 ปี ก่อนปิดซื้อขายภาคเช้าด้วยราคา 11.20 บาท เพิ่มขึ้น 0.5 บาท หรือ 4.67% มีปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้น 145.59% จาก 5 วันทำการก่อนหน้า
สาเหตุที่ทำให้ราคาหุ้น SPRC เช้านี้ ปรับตัวขึ้นทำนิวไฮรอบ 2 ปี เนื่องจากกำลังได้รับ Sentiment เชิงบวก จากค่าการกลั่นฟื้นตัวตามกิจกรรมการเดินทาง หนุนให้ความต้องการใช้น้ำมันสูงขึ้น หลังหลายประเทศทั่วโลก เริ่มคลายมาตรการล็อกดาวน์ ประกอบกับ ความต้องการน้ำมันเครื่องบิน เริ่มส่งสัญญาณฟื้นตัว ด้วยเช่นกัน
*** แต่ระวังงบ Q3/64 เป็นจุดต่ำสุดของปีนี้
บทวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) หยวนต้า (ประเทศไทย) ประเมินกำไรสุทธิไตรมาส 3/64 ของ SPRC ไว้ที่ 103 ล้านบาท หดตัว 62% จากปีก่อน และ หดตัว 87% จากไตรมาสก่อน (จุดต่ำสุดของปี 64) โดยมีสาเหตุหลักจากอัตรากำลังกลั่นจะทำได้ 129 KBD ลดลง 4% จากไตรมาสก่อน เพราะได้รับผลกระทบจากมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดโควิด-19 ในประเทศ
ประกอบกับ หน่วยแตกโมเลกุลด้วยตัวเร่งปฏิกิริยา (RFCCU) เพื่อผลิตน้ำมันเบนซินของ SPRC ต้องปิดซ่อมบำรุงฉุกเฉินนอกแผน ตั้งแต่วันที่ 25 ก.ย.ที่ผ่านมา ส่งผลให้ช่วงเวลาดังกล่าว SPRC ไม่สามารถผลิตน้ำมันเบนซินออกมาจำหน่ายได้ ส่งผลให้ค่าการกลั่น และอัตราการผลิตลดลงตามประโยชน์ทาง Economics
นอกจากนี้ ต้นทุน Crude Premium ในช่วงดังกล่าวยังสูงขึ้น อ้างอิงค่า Premium ช่วงไตรมาส 3/64 ของน้ำมัน Murban เฉลี่ยอยู่ที่ 2.5 เหรียญ/บาร์เรล สูงขึ้นจากไตรมาสก่อนเฉลี่ยอยู่ที่ 1.3 เหรียญ/บาร์เรล ทำให้ค่าการกลั่นลงลงจากไตรมาสก่อน เหลือ 2.6 เหรียญ/บาร์เรล
ขณะที่ กำไรสต๊อกน้ำมันคาดอยู่ที่ 819 ล้านบาท ลดลงจากไตรมาสก่อนที่ทำได้ 1.5 พันล้านบาท เนื่องจากราคาน้ำมันดิบเพิ่มปรับตัวขึ้นในช่วงเดือน ก.ย.64 และยังคาดว่า SPRC จะรับรู้ขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนราว 165 ล้านบาท หลังเงินบาทอ่อนค่าลงในช่วงดังกล่าว
สอดคล้องกับ บล.โนมูระ พัฒนสิน ที่มีมุมมองเป็นลบ ต่อผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 3/64 ของ SPRC โดยมีสาเหตุหลักจาก Crude Premium ที่ปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้ค่าการกลั่นมีแนวโน้มอ่อนแอลง ประกอบกับ การแพร่ระบาดโควิด-19 ที่รุนแรงในช่วงดังกล่าว ยังทำให้ยอดขาย และกำไรสต็อกน้ำมัน มีแนวโน้มหดตัวจากไตรมาสก่อน
*** คาด Q4/64 เป็นจุดเริ่มต้นการฟื้นตัวยาวถึงปี 65
บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) มองว่า ผลการดำเนินงานของ SPRC จะฟื้นตัวขึ้นจากไตรมาสก่อน ตามอุปสงค์น้ำมันในประเทศที่สูงขึ้น สอดรับกิจกรรมเดินทาง ที่ทยอยกลับเข้าสู่ระดับใกล้ปกติ ประกอบกับ ต้นทุนน้ำมัน Crude Premium ปรับตัวลง, ส่วนต่างราคาน้ำมันสำเร็จรูป ได้รับปัจจัยหนุนจากความต้องการใช้ เพื่อผลิตไฟฟ้าทดแทนก๊าซธรรมชาติ และ ถ่านหินที่ขาดแคลน หนุนให้ปี 64 มีกำไรสุทธิ 2.4 พันล้านบาท เทียบปีก่อนที่ขาดทุนสุทธิ 6 พันล้านบาท
เช่นเดียวกับ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) ที่ประเมินว่า ผลการดำเนินงานของ SPRC มีแนวโน้มเร่งตัวขึ้นในช่วงไตรมาส 4/64 ต่อเนื่องไปถึงปี 65 ภายหลังจากที่หลายประเทศทั่วโลก เริ่มมีการคลายมาตรการล็อกดาวน์ ส่งผลให้กิจกรรมการเดินทางเริ่มฟื้นตัวขึ้น เป็นปัจจัยหนุนต่อความต้องการน้ำมันเบนซิน และค่าการกลั่นที่มีแนวโน้มปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง
ขณะที่ บล.เคทีบีเอสที ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า กำไรสุทธิปี 65 ของ SPRC มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องจากปี 64 โดยเบื้องต้นประเมินไว้ที่ 3.2 พันล้านบาท เติบโตขึ้น 8% จากปี 64 โดยมีปัจจัยหนุนจาก Market GRM ปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง สู่ระดับ 3.22 เหรียญ/บาร์เรล ตามความต้องการน้ำมันที่สูงขึ้น หลังมีการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 เป็นวงกว้างมากขึ้น
*** กูรูชี้ ช่วงนี้เหมาะแค่เก็งกำไรระยะสั้นเท่านั้น
บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ระบุว่า การเข้าลงทุนใน SPRC ช่วงนี้ เหมาะสมแค่เป็นการเก็งกำไรระยะสั้น ตามค่าการกลั่นสิงคโปร์ ที่ฟื้นตัวสู่ระดับ 6 – 7 เหรียญ/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับที่สูงสุดในรอบ 2 ปี เพราะได้อานิสงส์จากภาวะขาดแคลนเชื้อเพลิงผลิตไฟฟ้าในบางประเทศ เท่านั้น
แต่เมื่อเทียบมูลค่า (Valuation) ของ SPRC กับคู่แข่งในกลุ่มฯ อย่าง TOP และ BCP พบว่า SPRC กลับเทรด PBV ที่ระดับ 1.6 เท่า สูงกว่า TOP และ BCP ที่เทรด PBV ในระดับ 1 และ 1.1 เท่า ตามลำดับ ประกอบกับ การจ่ายเงินปันผลงวดปี 64 ของ SPRC ยังไม่มีความชัดเจน เนื่องจาก ณ สิ้นไตรมาส 2/64 กำไรสะสมของ SPRC ยังติดลบอยู่ราว 20 ล้านเหรียญ (ประมาณ 680 ล้านบาท)
เช่นเดียวกับ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) ที่มองว่า Valuation ของ SPRC ณ ปัจจุบัน มีความน่าสนใจน้อยกว่าหุ้นในกลุ่มเดียวกัน สะท้อนจากราคาหุ้นตั้งแต่ต้นปี (YTD) ของ SPRC ปรับตัวขึ้นราว 38% ซึ่งเป็นระดับที่สูงกว่าคู่แข่ง จึงทำให้อัพไซด์ เริ่มเหลือน้อยเต็มที เมื่อเทียบกับราคาเป้าหมายของเราที่ 12 บาท/หุ้น
*** ส่วนใหญ่ยังไม่แนะนำซื้อ ติง Valuation แพงกว่ากลุ่ม
จากการสำรวจความคิดเห็นนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่"ยังไม่แนะนำซื้อ" เนื่องจากมองว่า Valuation ของ SPRC ณ ปัจจุบันแพงกว่าหุ้นในกลุ่มเดียวกัน ขณะที่ ผลการดำเนินงานของ SPRC ยังมีแนวโน้มฟื้นตัวได้ไม่โดดเด่น เท่ากับ TOP หรือ BCP อีกด้วย
บล. |
คำแนะนำ |
ราคาเหมาะสม (บ.) |
ยูโอบีฯ |
ถือ |
12.00 |
หยวนต้าฯ |
ซื้อเก็งกำไร |
10.30 |
โนมูระฯ |
Reduce |
8.40 |
เคทีบีฯ |
ขาย |
7.50 |
ราคาเฉลี่ย |
9.55 |
หลังจากที่ราคาหุ้น SPRC เช้านี้ ปรับตัวขึ้นถึง 4.67% ทำนิวไฮในรอบ 2 ปี ส่งผลให้ราคาหุ้นที่ซื้อขาย ณ ปัจจุบัน เกินราคาเหมาะสมเฉลี่ยของนักวิเคราะห์ไปแล้ว 17.27 % แถมผลการดำเนินงานไตรมาส 3/64 ที่กำลังจะประกาศในเดือน พ.ย.นี้ยังมีแนวโน้มเป็นจุดต่ำสุดของปีนี้อีกด้วย ...