TISCO ปิดซื้อขายเช้านี้บวก 0.81% รับตั้งสำรองฯลด ดันกำไร 9 เดือนโต 12% จากปีก่อน ขณะที่โบรกฯ มองการตั้งสำรองฯผ่านจุดพีคช่วงครึ่งปีแรกไปแล้ว คาดคลายล็อกดาวน์ ดันกำไร Q4/64 ฟื้นทั้ง YoY-QoQ หนุนจ่ายปันผลปี 64 ให้ยิลด์ 7.1 – 7.3% ชี้กำไรปี 65 มีอัพไซด์ หลังเตรียมรุกหนักสินเชื่อยิลด์สูง
*** ปิดเช้าบวก 0.81% หลังตั้งสำรองฯลด ดันกำไร 9 เดือนโต 12.7% YoY
ราคาหุ้น บริษัท ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TISCO ช่วงเช้าวันนี้ (15 ต.ค.64) ดีดขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่ราคา 94 บาท ก่อนปิดซื้อขายภาคเช้าด้วยราคา 93.25 บาท เพิ่มขึ้น 0.75 บาท หรือ 0.81% มีปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้น 112% จาก 5 วันทำการก่อนหน้า
บทวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เคทีบีเอสที ระบุสาเหตุที่ทำให้ราคาหุ้น TISCO ปิดซื้อขายเช้านี้บวก 0.81% เนื่องจากกำลังได้รับปัจจัยหนุน จากการตั้งสำรองฯ ที่ 254 ล้านบาท (น้อยกว่าที่คาดไว้ 467 ล้านบาท) ลดลง 58% จากปีก่อน และลดลง 55% จากไตรมาสก่อน ส่งผลให้กำไรสุทธิงวด 9 เดือนของปี 64 อยู่ที่ 4.99 พันล้านบาท เติบโตขึ้น 12.7% จากปีก่อน
ทั้งนี้ ประเมินว่า TISCO มีความเสี่ยงน้อยที่สุดในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ ที่จะต้องตั้งสำรองฯเพิ่มขึ้นในระยะต่อไป เนื่องจาก Coverage Ratio ของ TISCO อยู่ในระดับที่สูงสุดของกลุ่มฯ ที่ 197% จากการตั้งสำรองฯในระดับที่สูงมากแล้วก่อนหน้านี้ ทำให้ปี 64 มีโอกาสเห็นการตั้งสำรองฯ น้อยกว่าที่เราคาดไว้ที่ระดับ 2.3 พันล้านบาท
*** กำไร Q4/64 เป็นจุดเริ่มต้นการฟื้นตัว หลังโควิดคลายตัว
บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ระบุว่า กำไรสุทธิไตรมาส 3/64 ของ TISCO ถือว่าทำได้ตามเป้าที่ 1.5 พันล้านบาท หดตัวเล็กน้อย ในช่วงที่มีการแพร่ระบาดโควิด-19 รุนแรง โดยประเมินว่า กำไรสุทธิของ TISCO จะเริ่มฟื้นตัวขึ้น ตั้งแต่ไตรมาส 4/64 เป็นต้นไป โดยมีปัจจัยหนุน จากการปล่อยกู้ฟื้นตัวตามภาวะเศรษฐกิจ หลังมีการปลดล็อกกิจกรรมต่างๆ ซึ่งคาดว่าจะช่วยหนุนให้ทั้งรายได้ดอกเบี้ย และรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ย ปรับตัวขึ้นจากเดิม
ขณะที่การตั้งสำรองฯได้ผ่านจุดสูงสุดในช่วงครึ่งรกของปี 64 ไปแล้ว ซึ่ง TISCO จะใช้นโยบายการตั้งสำรองฯที่ผ่อนคลายมากขึ้นกว่าในช่วงไตรมาส 3/64 เนื่องจากเศรษฐกิจในประเทศ มีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้น รวมทั้ง TISCO ยังสามารถรักษาคุณภาพหนี้เสีย (NPL) ได้ดี โดย NPL ที่เพิ่มขึ้นส่วนใหญ่เป็น Relapse NPL ที่มีการตั้งสำรองฯไปมากแล้ว ทำให้การตั้งสำรองฯส่วนเพิ่มน้อยกว่าช่วงครึ่งแรกของปี 64
สอดคล้องกับ บล.เคทีบีเอสที ที่ประเมินว่า กำไรสุทธิไตรมาส 4/64 ของ TISCO มีแนวโน้มกลับมาเติบโตขึ้น ทั้งเทียบปีก่อน และไตรมาสก่อน จากการตั้งสำรองฯที่คาดว่าจะลดลงกว่า 3 ไตรมาสแรกของปีนี้ ประกอบกับ มาตรการเปิดเมืองของรัฐบาล จะช่วยหนุนให้รายได้ค่าธรรมเนียมของ TISSCO ฟื้นตัวขึ้น อย่างมีนัยสำคัญ ทำให้คาดกำไรสุทธิปี 64 อยู่ที่ 6.7 พันล้านบาท เติบโตขึ้น 12% จากปีก่อน
ส่วนนักวิเคราะห์อีก 2 ราย ประเมินกำไรสุทธิปี 64 ของ TISCO ไว้ดังนี้
บล. |
กำไรสุทธิปี 64 (ลบ.) |
%chg YoY |
ทรีนีตี้ |
6,605 |
8.93 |
หยวนต้า |
6,598 |
8.82 |
*** คาดหั่นดอกเบี้ยจักรยานยนต์กระทบเล็กน้อย แถมยังทำยาก
ก่อนหน้านี้ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) เตรียมออกประกาศคณะกรรมการว่าด้วยสัญญาให้ธุรกิจเช่าซื้อรถยนต์, จักรยานยนต์, รถแทรกเตอร์ และเครื่องจักรกลการเกษตร เป็นธุรกิจที่ควบคุมสัญญา โดยจะควบคุมเพดานอัตราดอกเบี้ยเช่าซื้อที่ระบุในสัญญาได้ไม่เกิน 15% ต่อปี และห้ามเก็บหนี้ส่วนที่เหลือในกรณีที่ผู้เช่าซื้อใช้สิทธิเลิกสัญญาด้วยการส่งมอบรถ (คืนรถจบหนี้)
โดย บล.เอเซียพลัส ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า หากประเด็นดังกล่าวเกิดขึ้นจริง จะกระทบต่อผลการดำเนินงานของ TISCO เล็กน้อยเท่านั้น เนื่องจาก ณ สิ้นไตรมาส 3/64 ทาง TISCO มีจำนวนสินเชื่อรถจักรยานยนต์ราว 4.8 พันล้านบาท หรือ 2.3% ของพอร์ตสินเชื่อทั้งหมดเท่านั้น ขณะที่ สินเชื่อรถยนต์ โดยปกติไม่ได้คิดอัตราดอกเบี้ยเกิน 15% ต่อปีอยู่แล้ว ซึ่งค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 5 – 8% เท่านั้น
ขณะที่ ผู้บริหาร TISCO มองว่า ประเด็นดังกล่าวยังเกิดขึ้นได้ยาก เนื่องจากหากมีการจำกัดดอกเบี้ยสินเชื่อรถจักรยานยนต์ ต่ำกว่า 15% ต่อปี อาจทำให้ผู้ซื้อต้องเพิ่มเงินดาวน์เป็น 20 – 25% ของราคาเพื่อลดความเสี่ยงในการเกิด NPL เพราะสินเชื่อประเภทนี้ มักเกิด NPL สูง ซึ่งจะทำให้อัตราการซื้อรถจักรยานยนต์ใหม่ชะลอตัวลงด้วย เพราะผู้ซื้อต้องวางเงินดาวน์ในจำนวนที่สูงมาก เมื่อเทียบกับปัจจุบัน
*** กูรูอัพเป้าราคา หลังจ่อรุกสินเชื่อยิลด์สูง หนุนกำไรปี 65 มีอัพไซด์
บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ระบุว่า ได้ปรับราคาเป้าหมายของ TISCO ขึ้นเป็น 108 บาท/หุ้น (เดิม 92 บาท/หุ้น) หลัง TISCO เตรียมขยายสินเชื่อเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มที่ให้ยิลด์สูง ที่มีมูลค่าประมาณ 3.2 หมื่นบ้านบาท (15% ของสินเชื่อรวม) ซึ่งจะทำให้ประมาณการกำไรสุทธิปี 65 มีอัพไซด์เพิ่มขึ้นจากเดิม ที่คาดว่าจะเติบโตขึ้น 9.31% จากปี 64
เช่นเดียวกับ บล.เคทีบีเอสที ที่ปรับราคาเป้าหมายของ TISCO ขึ้นเป็น 110 บาท/หุ้น (เดิม 105 บาท/หุ้น) หลังมีแผนรุกสินเชื่อยิลด์สูงมากขึ้น โดยมองว่า ในระยะถัดไปสินเชื่อมีแนวโน้มกลับมาเติบโตได้ดีขึ้น หลังการแพร่ระบาดโควิด-19 คลี่คลาย ประกอบกับ แนวโน้มการตั้งสำรองฯที่ลดลง ในระยะถัดไป หนุนให้กำไรมีอัพไซด์ส่วนเพิ่ม
*** โบรกฯ คาดปันผลปีนี้ยังสูง เหมาะสำหรับผู้รับความเสี่ยงได้ต่ำ
บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ประเมินว่า TISCO จะจ่ายเงินปันผลปี 64 (จ่ายปีละ 1 ครั้ง) คิดเป็นอัตราผลตอบแทน (Dividend Yield) ที่สูงถึง 7.1% จึงมองว่า TISCO เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้น้อย และต้องการลงทุนในหุ้นที่ให้เงินปันผลสูง ซึ่ง TISCO มีความสามารถในการรักษาระดับกำไรสุทธิได้ดี จากการปรับลดความเสี่ยงของพอร์ตสินเชื่อ ควบคู้ กับการควบคุมค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยที่มีประสิทธิภาพ
สอดคล้องกับ บล.โนมูระ พัฒนสิน ที่ประเมินว่า TISCO จะจ่ายเงินปันผลปี 64 คิดเป็น Dividend Yield ที่สูงระดับ 7.3% เพราะมีจุดเด่นด้านคุณภาพสินทรัพย์แข็งแกร่ง จากความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ ประกอบกับ การเร่งตั้งสำรองล่วงหน้าไปมาก ช่วยจำกัด downside risk ต่อความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจในภาพรวม
*** ส่วนใหญ่ยังแนะนำซื้อ เหตุผลงานกำลังฟื้น – ปันผลสูง
จากการสำรวจความคิดเห็นนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ยังคงแนะนำ"ซื้อ" เนื่องจากมองว่าผลการดำเนินงานของ TISCO มีแนวโน้มฟื้นตัวตามภาวะเศรษฐกิจ ตั้งแต่ไตรมาส 4/64 ประกอบกับ การจ่ายเงินปันผลประจำปีในปีนี้ คาดว่ายังอยู่ในระดับสูงต่อเนื่อง ตามการรักษาฐานกำไรสุทธิได้อย่างเข้มงวด
บล. |
คำแนะนำ |
ราคาเหมะสม (บ.) |
โนมูระฯ |
ซื้อ |
115.00 |
เมย์แบงก์ฯ |
ซื้อ |
110.00 |
เคทีบีฯ |
ซื้อ |
110.00 |
เคจีไอ |
ซื้อ |
108.00 |
ดีบีเอสฯ |
ซื้อ |
106.00 |
ฟิลลิป |
ซื้อ |
106.00 |
ราคาเฉลี่ย |
109.16 |
หากอ้างอิงข้อมูลของนักวิเคราะห์ ดูเหมือนว่า ผลการดำเนินงานของ TISCO ได้ผ่านจุดต่ำสุดไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สะท้อนจากการตั้งสำรองฯ ที่มีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่องในระยะถัดไป ประกอบกับ รายได้ทั้งในส่วนดอกเบี้ย และไม่ใช่ดอกเบี้ย ที่มีแนวโน้มกลับมาเติบโตอีกครั้ง ภายหลังการคลายล็อกดาวน์ และ เปิดประเทศในช่วงไตรมาส 4/64 ...