เช้านี้ EGCO ทำนิวไฮรอบ 2 เดือน คาดรับปัจจัยหนุนปิดดีลโรงไฟฟ้าลินเดนฯ เป็นทางการ จ่อรับรู้กำไรทันที ขณะที่ โบรกฯประเมิน กำไรเริ่มฟื้นตัวตั้งแต่ Q2/64 แต่ครึ่งปีหลังเด่นสุด เหตุรับรู้กำไรโรงไฟฟ้าใหม่เต็มที่ – โรงไฟฟ้าพลังน้ำไซยะบุรีเข้าไฮซีซั่น 
 

*** นิวไฮรอบ 2 เดือน หลังเตรียมบุ๊คกำไรโรงไฟฟ้าลินเดนฯทันที
 

ราคาหุ้น บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ EGCO ช่วงเช้าวันนี้ (10 มิ.ย.64) ดีดขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่ราคา 185.50 บาท ทำนิวไฮในรอบ 2 เดือน ก่อนปิดซื้อขายภาคเช้าไปด้วยราคา 183 บาท เพิ่มขึ้น 6.5 บาท หรือ 3.68% มีปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้น 340.38% จาก 5 วันทำการก่อนหน้า

โดยสาเหตุที่ทำให้ราคาหุ้น EGCO ช่วงเช้าวันนี้ ปรับตัวขึ้นทำนิวไฮในรอบ 2 เดือน เนื่องจากกำลังได้รับปัจจัยหนุน หลังเตรียมบุ๊คกำไรโรงไฟฟ้าลินเดน โคเจน ในประเทศสหรัฐฯ ทันทีในไตรมาส 2/64 หลังเพิ่งประกาศเข้าซื้อกิจการเมื่อวันที่ 7 มิ.ย.ที่ผ่านมา 

ทั้งนี้ การเข้าซื้อหุ้นโรงไฟฟ้าลินเดนฯ ของ EGCO เป็นการเข้าถือหุ้นสัดส่วน 28% โดยมีกำลังการผลิตอยู่ที่ 972 MW หรือคิดเป็น 272 MWe มาที่ EGCO หรือมีขนาดราว 5% ของกำลังการผลิตที่ดำเนินงานในปัจจุบัน ที่ 5,695 MW
 

*** คาดโรงไฟฟ้าลินเดนฯให้กำไร 1 พันลบ./ปี – ใบเบิกทางสู่ตลาดสหรัฐฯ
 

บทวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) โนมูระ พัฒนสิน ระบุว่า จากการประชุมนักวิเคราะห์รอบล่าสุด ผู้บริหาร EGCO คงมุมมองโรงไฟฟ้าลินเดนฯ เป็นการเจาะเข้าสู่ตลาดสหรัฐฯ ที่สามารถต่อยอดการเติบโตในอนาคตได้ เช่น โอกาสลงทุนในโครงการ renewable ในสหรัฐฯ เป็นต้น ทั้งนี้คาดโรงไฟฟ้าลินเดนฯ ให้กำไร 1 พันลบ./ปี 

ขณะที่ ผู้บริหาร EGCO มองโรงไฟฟ้าลินเดนฯ  มีจุดแข็งที่จ่ายไฟให้กับอุตสาหกรรมใหญ่ และ พื้นที่เศรษฐกิจสำคัญ (ส่วนแบ่งตลาดราว 1 ใน 5 ของความต้องการใช้ไฟใน NYISO Zone J New York City) ทำให้มีลักษณะเป็น must run
 

*** กำไร Q2 จ่อโต YoY-QoQ  หลังเข้าไฮซีซั่น – รับรู้ส่วนแบ่งเพิ่ม
 

ก่อนหน้านี้ ในช่วงไตรมาส 1/64 ทาง EGCO สามารถรายงานงบการเงิน โดยพลิกมีกำไรสุทธิ 585.46 ล้านบาท เทียบปีก่อนที่ขาดทุนสุทธิ 413.37 ล้านบาท

โดย บล.เอเชีย พลัส ประเมินว่ากำไรสุทธิไตรมาส 2/64 ของ EGCO จะเติบโตขึ้นจากไตรมาสก่อน หลังธุรกิจเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่น ของการใช้ไฟฟ้าในฤดูร้อน ซึ่งความต้องการใช้ไฟฟ้าโดยเฉลี่ย ปรับตัวขึ้นทำระดับสูงสุดของปี ขณะที่ โรงไฟฟ้าพลังน้ำ ประเมินว่า จะมีกำลังการผลิตไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น หลังฝนเริ่มตกในช่วงเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา

นอกจากนี้ ยังประเมินว่า ในช่วงไตรมาส 2/64 ทาง EGCO จะไม่มีการบันทึกขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนในระดับสูงเหมือนช่วงไตรมาสก่อน อีกแล้ว

เช่นเดียวกับ บล.โนมูระ พัฒนสิน ที่ประเมินว่า กำไรสุทธิในช่วงไตรมาส 2/64 ของ EGCO จะเติบขึ้น ทั้งเทียบปีก่อน และไตรมาสก่อน โดยการเติบโตขึ้นจากปีก่อน มีปัจจัยหนุน จากส่วนแบ่งกำไร ที่เพิ่มขึ้นของโรงไฟฟ้า SBPL ดีขึ้น, ขณะที่ โรงไฟฟ้า Paju ไม่มีปิดซ่อมบำรุงครั้งใหญ่ ประกอบกับ โรงไฟฟ้า  XPCL ผลิตไฟฟ้าได้มากขึ้น และยังมีโรงไฟฟ้าใหม่ อย่าง Yunlin มาช่วยหนุนผลประกอบการเพิ่มขึ้น 

ส่วน การเติบโตของกำไรสุทธิไตรมาส 2/64 ที่ประเมินว่าจะเติบโตขึ้นจากไตรมาสก่อน มีสาเหตุหลัก จากรายได้ และ อัตรากำไรขั้นต้น (GPM) เพิ่มขึ้น จากโรงไฟฟ้าขนอม ปิดซ่อมบำรุงลดลง และ โรงไฟฟ้า QPL ไม่มีการปิดซ่อมบำรุง ประกอบกับส่วนแบ่งกำไรเริ่มฟื้นตัว จากมีโรงไฟฟ้าใหม่มาหนุน และโรงไฟฟ้า SBPL จ่ายไฟเพิ่มขึ้น
 

*** ครึ่งปีหลังโตเด่น โรงไฟฟ้าใหม่หนุน – ไซยะบุรีเข้าไฮซีซั่น
 

บล.โนมูระ พัฒนสิน ประเมินกำไรสุทธิ ในช่วงครึ่งปีหลังของ EGCO มีแนวโน้มเติบโตขึ้นจากช่วงครึ่งปีแรก โดยมีปัจจัยหนุนจากการรับรู้ผลการดำเนินงานของโรงไฟฟ้าลินเดนฯ ที่เพิ่งซื้อเข้ามา ประกอบกับ โรงไฟฟ้า Paju จะมีการปิดซ่อมบำรุงลดลง และจะเป็นช่วงไฮซีซั่นของไรงไฟฟ้าพลังน้ำ XPCL (ไซยะบุรี)

ขณะที่ นักวิเคราะห์ 2 ราย ประเมินกำไรสุทธิปี 64 ของ EGCO ไว้ดังนี้

*** โบรกฯ มอง Valuation น่าสนใจ
 

บล.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ มองว่า มูลค่า (Valuation) ของ EGCO ณ ปัจจุบัน มีความน่าสนใจ ด้วย P/B เพียง 0.9 เท่า ซึ่งช่วงที่ผ่านมา EGCO ได้รับแรงกดดันจากแรงขายของต่างชาติมาตั้งแต่ปีที่แล้ว แต่ล่าสุดแรงขายของต่างชาติเริ่มเบาบางลง และเริ่มกลับมาซื้อสุทธิผ่าน NVDR แล้ว ขณะเดียวกัน เปอร์เซนต์ การถือครองหุ้นของต่างชาติ เริ่มพิ่มขึ้น ทำให้เรามองบวกต่อ EGCO มากขึ้น 

สอดคล้องกับ บล.บัวหลวง ที่มองว่า ระดับราคาหุ้น EGCO ในปัจจุบันยังถูกมาก และหากมีการลงทุนเพิ่มเติม รวมถึงหากดีมานด์ไฟฟ้าในต่างประเทศเริ่มฟื้นตัวขึ้น จะส่งผลให้กำไรหลักของ EGCO ระหว่างปี 64-67 เติบโตได้อย่างโดดเด่น

ส่วน บล.เอเซีย พลัส ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ราคาหุ้น EGCO ผ่านการปรับฐานไปแล้วระดับหนึ่ง จนเห็นอัพไซด์ที่สูง พร้อมเงินปันผลที่จูงใจ คิดเป็นอัตราผลตอบแทน (Dividend Yield) ราว 3.9% มองเป็นจังหวะที่สามารถเข้าลงทุนได้
 

*** ส่วนใหญ่แนะนำ"ซื้อ"
 

จากการสำรวจความคิดเห็นนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่แนะนำ"ซื้อ" เนื่องจากมองว่าผลการดำเนินงานของ EGCO จะเริ่มเร่งตัวขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 2/64 เป็นต้นไป และโดดเด่นที่สุดในช่วงครึ่งปีหลัง ประกอบกับ มูลค่าหุ้น ณ ปัจจุบัน ยังจูงใจให้เข้าสะสมอีกด้วย
 

สำหรับนักลงทุนที่เพิ่งเข้ามาสนใจ EGCO ในช่วงนี้ อาจยังเป็นจังหวะที่ดีในการทยอยเข้าสะสมหุ้น เนื่องจากราคาหุ้นที่ซื้อขาย ณ ปัจจุบัน มีอัพไซด์ถึง 29.18% เมื่อเทียบราคาเฉลี่ยของนักวิเคราะห์ ขณะที่นักวิเคราะห์ยังประเมินผลการดำเนินงานเด่นสุด คือ ช่วงครึ่งหลังของปี 64 และยังสามารถคาดหวังเงินปันผล คิดเป็น Dividend Yield สูงถึง 3.9% ได้อีกด้วย....