SCC ปิดซื้อขายเช้านี้บวก 1.9% คาดรับปัจจัยหนุนงบ Q2/64 จ่อทำนิวไฮรอบ 17 ไตรมาส ขณะที่ โบรกฯประเมินผลงานครึ่งปีหลังชะลอตัว หลังสเปรดปิโตรเคมีเริ่มต่ำลง - โควิดรุนแรงขึ้น แต่ผลงานครึ่งปีแรกที่เติบโตเด่น ยังดีพอหนุนกำไรทั้งปีโตแรง 31-50% YoY
*** ปิดเช้าบวก 1.9% หลังงบ Q2/64 จ่อทำนิวไฮรอบ 17 ไตรมาส
ราคาหุ้น บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SCC ช่วงเช้าวันนี้ (13 ก.ค.64) ดีดขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่ราคา 428 บาท ก่อนปิดซื้อขายภาคเช้าไปด้วยราคาดังกล่าว เพิ่มขึ้น 8 บาท หรือ 1.9% มีปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้น 60.19% จาก 5 วันทำการก่อนหน้า
โดย บทวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ทรีนีตี้ ระบุถึงสาเหตุที่ทำให้ราคาหุ้น SCC ปิดซื้อขายเช้านี้บวก 1.9% เนื่องจากกำลังได้รับปัจจัยหนุน จากการเตรียมประกาศงบการเงินไตรมาส 2/64 ในวันที่ 29 ก.ค.นี้ ซึ่งคาดว่ากำไรสุทธิของ SCC จะทำสถิติกำไรสูงสุดใหม่ (นิวไฮ) รอบ 17 ไตรมาส
ทั้งนี้ ประเมินกำไรสุทธิไตรมาส 2/64 ของ SCC ไว้ที่ 1.6 หมื่นล้านบาท (นิวไฮรอบ 17 ไตรมาส) เติบโตขึ้น 69% จากปีก่อน และ เติบขึ้น 7% จากไตรมาสก่อน โดยมีแรงหนุนจากปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้นจากโครงการ MOC Expansion ประกอบกับ ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมกลุ่มปิโตรเคมี ที่ยังมี สเปรดอยู่ในระดับสูง โดยเฉพาะ PVC ที่มีส่วนต่างราคาเพิ่มขึ้น และ เงินปันผลรับที่จะมีเข้ามาในช่วงไตรมาส 2 ของทุกปี
เช่นเดียวกับ บล.กรุงศรี ที่ประเมินกำไรสุทธิไตรมาส 2/64 ของ SCC ไว้ที่ 1.52 หมื่นล้านบาท (นิวไฮรอบ 17 ไตรมาส) เติบโตขึ้น 62% จากปีก่อน และ เติบโตขึ้น 2% จากไตรมาสก่อน โดยมีสาเหตุหลัก จากส่วนต่างเคมีภัณฑ์ที่แข็งแกร่ง, ปริมาณขายเคมีภัณฑ์สูงขึ้น และส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมสูงขึ้นด้วยเช่นกัน
*** คาดผลงานครึ่งปีหลังชะลอตัว หลังสเปรดต่ำ–โควิดรุนแรงขึ้น
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ระบุว่า ผลประกอบการครึ่งปีหลังของ SCC มีแนวโน้มชะลอตัวลงจากช่วงครึ่งปีแรก แม้ธุรกิจบรรจุภัณฑ์ครบวงจร ยังมีแนวโน้มเติบโตได้ดี จาก Organic และ Inorganic growth แต่ยังไม่สามารถชดเชย สเปรดธุรกิจปิโตรเคมี ที่เริ่มปรับตัวลดลงตั้งแต่เดือน ก.ค.64 และ ธุรกิจผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดโควิด-19 ที่รุนแรงขึ้น
ด้าน บล.เอเซีย พลัส ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า กำไรสุทธิไตรมาส 3/64 ของ SCC ยังมีแนวโน้มเติบโตจากปีก่อน แต่จะลดลงจากไตรมาส 2/64 โดยมีสาเหตุหลักจากสเปรด HDPE และ PP เทียบกับ Naphtha ในเดือน ก.ค.64 ปรับตัวลง 23% และ 10% จากเดือนก่อน ตามลำดับ เนื่องจาก ราคา Naphtha ปรับตัวขึ้นตามราคาน้ำมันดิบ
ขณะที่ ราคาเม็ดพลาสติกปรับตัวขึ้นช้ากว่า Naphtha เพราะมี Supply ส่วนเกินจากผู้ผลิตในตะวันออกกลางแทรกเข้ามาในภูมิภาค นอกจากนี้ ยังมีการแพร่ระบาดโควิด-19 ที่ยังคงรุนแรง ทำให้ผู้ซื้อในธุรกิจซีเมนต์ และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง ชะลอตัวจากกิจกรรมก่อสร้างที่หยุดชะงักลงชั่วคราว
*** ผลงานครึ่งปีแรกที่โดดเด่น ยังดีพอหนุนงบทั้งปีโตแรง 31-50%
บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) มองว่า แม้ผลการดำเนินงานครึ่งปีหลังของ SCC มีแนวโน้มอ่อนตัวลงจากช่วงครึ่งปีแรก แต่กำไรสุทธิของ SCC ทั้งปี คาดอยู่ที่ 5.1 หมื่นล้านบาท เติบโตขึ้นถึง 50% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากกำไรสุทธิที่เติบโตได้อย่างโดดเด่นในช่วงครึ่งปีแรก สามารถชดเชยผลการดำเนินงานที่อ่อนตัวลงเล็กน้อยในช่วงครึ่งปีหลังได้
ด้าน บล.หยวนต้า ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ผลประกอบการไตรมาส 4/64 ของ SCC ยังมีโอกาส พลิกกลับมาเติบโตขึ้นจากไตรมาสก่อนได้อีกครั้ง เนื่องจากเป็นช่วงที่ผ่านฤดูฝนไปแล้ว ประกอบกับ การแพร่ระบาดโควิด-19 ขณะนั้น คาดจะลดความรุนแรงลง ส่งผลให้ธุรกิจผลิตภัณฑ์ก่อสร้างได้รับปัจจัยหนุนเพิ่มเติม โดยมองว่า กำไรสุทธิปี 64 ของ SCC จะอยู่ที่ 4.4 หมื่นล้านบาท เติบโตขึ้น 31% จากปีก่อน
ขณะที่ นักวิเคราะห์อีก 2 ราย ประเมินกำไรสุทธิปี 64 ของ SCC ไว้ดังนี้
บล. |
กำไรสุทธิปี 64 (ลบ.) |
%chg YoY |
เอเชีย พลัส |
46,907 |
37.37 |
เมย์แบงก์ฯ |
44,892 |
31.47 |
*** โบรกฯ มองมูลค่าหุ้นยังถูก คาดหวังปันผลได้ 4-4.17% ต่อปี
บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) ระบุว่า มูลค่า (Valuation) ของ SCC ณ ปัจจุบันยังถูก อิงจาก P/E ปี 64 อยู่ที่ระดับ 11 เท่า ขณะที่ภูมิภาคเทรด P/E กันอยู่ที่ระดับ 13 เท่า ประกอบ กับนักลงทุนยังสามารถคาดหวังเงินปันผล คิดเป็นอัตราผลตอบแทน (Dividend Yield) ในเกณฑ์ดีที่ราว 4% ต่อปี ได้อีกด้วย
สอดคล้อง กับ บล.เอเซีย พลัส ที่มองว่า SCC ยังมีความน่าสนใจ เนื่องจากธุรกิจหลัก มีแนวโน้มเติบโตที่ชัดเจนในระยะยาว ประกอบกับ ราคาหุ้นที่ซื้อขาย ณ ปัจจุบัน มีอัพไซด์สูงราว 19% เทียบกับราคาเป้าหมายของเราที่ 500 บาท/หุ้น ขณะที่ปีนี้ ประเมินว่า SCC จะจ่ายเงินปันผลคิดเป็น Dividend Yield ระดับ 4.17%
*** ส่วนใหญ่ยังแนะนำ"ซื้อ"
จากการสำรวจความคิดเห็นนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ยังคงแนะนำ"ซื้อ" เนื่องจากมองว่ากำไรสุทธิในระยะสั้นของ SCC ในช่วงไตรมาส 2/64 ยังคงเติบโตโดดเด่น แม้ในช่วงครึ่งปีหลังมีแนวโน้มสูง ที่กำไรสุทธิของ SCC จะเริ่มอ่อนตัวลงก็ตาม แต่มองว่ากำไรสุทธิทั้งปี ยังสามารถเติบโตในระดับสูงได้
บล. |
คำแนะนำ |
ราคาเหมาะสม (บ.) |
ทรีนีตี้ |
ซื้อ |
522.00 |
หยวนต้า |
ซื้อ |
520.00 |
เอเชีย พลัส |
ซื้อ |
500.00 |
ดีบีเอสฯ |
ซื้อ |
496.00 |
กรุงศรี |
ซื้อ |
420.00 |
ราคาเฉลี่ย |
491.60 |
หากอิงตามการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ ดูเหมือนว่ากำไรสุทธิไตรมาส 2/64 ของ SCC จะเป็นจุดสูงสุดของผลการดำเนินงานปี 64 แล้ว และแม้ว่ากำไรสุทธิช่วงครึ่งปีหลัง มีแนวโน้มอ่อนตัวลง แต่ระดับกำไรสุทธิทั้งปี ที่โบรกฯประเมินไว้ ระหว่าง 4.4 - 5.1 หมื่นล้านบาท เป็นระดับกำไรสุทธิเทียบเท่าก่อนเกิดการแพร่ระบาดโควิด-19 สะท้อนถึงการฟื้นตัวกลับสู่ระดับปกติของ SCC อย่างแท้จริง...