เช้านี้ STEC ดีดทำนิวไฮรอบ 7 เดือน หลังนักลงทุนมองหุ้นยัง Laggard กลุ่ม แต่มีปัจจัยรอหนุนเพียบ งานในมือล้น บุ๊ครายได้อีก 3 ปี อย่างต่ำ ขณะที่ โบรกฯมองกำไร Q4/64 เป็นจุดเริ่มต้นฟื้นตัว หลังโควิดสงบ มั่นใจปี 65 ธุรกิจกลับสู่ภาวะปกติ ดันกำไรฟื้นแรง 79 – 99% YoY
*** นิวไฮรอบ 7 เดือน หลังราคาหุ้นยัง Laggard กลุ่ม
ราคาหุ้น บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น จำกัด(มหาชน) หรือ STEC ช่วงเช้าวันนี้ (13 ม.ค.65) ดีดขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่ราคา 15.60 บาท ทำนิวไฮรอบ 7 เดือน ก่อนปิดซื้อขายภาคเช้าด้วยราคา 15.40 บาท เพิ่มขึ้น 0.3 บาท หรือ 1.99% มีปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้น 247.80% จาก 5 วันทำการก่อนหน้า
"สรพล วีระเมธีกุล" ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กสิกรไทย ระบุสาเหตุ ที่ทำให้ราคาหุ้น STEC เช้านี้ ปรับตัวขึ้นทำนิวไฮในรอบ 7 เดือน ด้วยปริมาณการซื้อขายหนาแน่น เพราะนักลงทุน มองว่า ราคาหุ้น STEC ค่อนข้าง Laggard และยังไม่ฟื้นตัวกลับสู่ระดับก่อนเกิดการแพร่ระบาดโควิด-19 เมื่อเทียบกับหลายบริษัทในกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ที่ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นไปมากพอสมควรแล้ว
อีกทั้งปี 65 ทาง STEC ยังได้รับอานิสงส์ จากการประมูลโครงการขนาดใหญ่ต่างๆ ของภาครัฐที่มีมากขึ้น และการจับมือกับผู้รับเหมาก่อสร้างรายใหญ่ด้วยกัน ในการเข้าประมูลโครงการก่อสร้างต่างๆ ส่งผลให้การแข่งขันในอุตสาหกรรมลดลง และ STEC มีโอกาสได้รับงานใหม่มากขึ้น
*** จับตา! กำไร Q4/64 ฟื้นแรง หลังผ่านจุดต่ำสุด
บล.เอเซีย พลัส ประเมินกำไรสุทธิไตรมาส 4/64 ของ STEC ไว้ที่ 298 ล้านบาท ฟื้นตัวแรงถึง 119% จากไตรมาสก่อน ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดโควิด-19 รุนแรง โดยมีปัจจัยหนุน จากการกลับมาเปิดดำเนินการของไซด์งานก่อสร้างอีกครั้ง ประกอบกับ อัตราการทำกำไรที่สูงขึ้น ตามการประหยัดต่อขนาดที่มีประสิทธิภาพ และยังมีกำไรพิเศษ จากการตีราคาอสังหาริมทรัพย์ เพื่อการลงทุน อีก 80 ล้านบาท
สอดคล้องกับ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ที่มองว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 4/64 ของ STEC มีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ จากไตรมาสก่อน หลังการแพร่ระบาดโควิด-19 เริ่มคลี่คลายลง ส่งผลให้ STEC มีการเร่งงานก่อสร้างได้มากขึ้น ส่งผลให้รายได้จากงานก่อสร้างจะเพิ่มเป็น 8.5 พันล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 40% จากไตรมาสก่อน
*** งานในมือล้น 1.2 แสนลบ. พอบุ๊ครายได้อีก 3 ปี
บล.เอเซีย พลัส มองว่า อีกจุดเด่นที่น่าสนใจของ STEC คือ ปัจจุบันมีงานในมือ (Backlog) สูงถึง 1.2 แสนล้านบาท หลังเพิ่งเซ็นสัญญารับงานก่อสร้างโครงการรถไฟทางคู่เด่นชัย – เชียงของ ซึ่งมูลค่า Backlog ดังกล่าว สามารถรองรับรายได้ที่มั่นคงให้กับ STEC ไปอีกอย่างน้อย 3 ปี
ขณะที่ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า นอกจากโครงการรถไฟทางคู่เด่นชัย – เชียงของ มูลค่าประมาณ 1.7 หมื่นล้านบาท ที่ STEC เพิ่งเซ็นสัญญารับงานไปนั้น ยังมี โครงการก่อสร้างสนามบินอู่ตะเภาเฟส 1 มูลค่า 2.7 หมื่นล้านบาท ที่กำลังรอเซ็นสัญญาอยู่อีกด้วย
*** กูรูชี้ปีนี้ กลับสู่ภาวะปกติ ดันกำไรฟื้นแรง 79 - 99%
บล.เอเซีย พลัส ประเมินกำไรสุทธิปี 65 ของ STEC ไว้ที่ 1.1 พันล้านบาท เติบโตขึ้น 80% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีปัจจัยหนุนจากการแพร่ระบาดโควิด-19 ที่มีแนวโน้มลดระดับความรุนแรงลงจากปีก่อน ประกอบกับ ภาครัฐกลับมาเร่งลงทุนโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ หนุนการประมูลงานใหม่เพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ STEC ยังได้จับมือกับ CK เข้าร่วมประมูลโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ มูลค่า 7.8 หมื่นล้านบาท ที่จะประกาศผลผู้ชนะประมูลภายในไตรมาส 1/65 ขณะที่ ปีนี้ จะเห็นพัฒนาการที่ดีขึ้น ทั้งในแง่ยอดรับรู้รายได้ และอัตรากำไรที่สูงขึ้น หลังไม่มีงานก่อสร้างที่ไม่มีมาร์จิ้น อย่าง โครงการรัฐสภาแห่งใหม่ กดดันเหมือนปีก่อนแล้ว
ด้าน บล.เคทีบีเอสที ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า การแพร่ระบาดโควิด-19 ที่ลดระดับความรุนแรงลงจากปีก่อน ทำให้รายได้จากการก่อสร้างของ STEC ในปีนี้ มีแนวโน้มกลับไปสู่ระดับปกติ ที่ 8 – 9 พันล้านบาท/ไตรมาส อีกครั้ง ขณะที่การส่งมอบงานที่ไม่มีมาร์จิ้นไปหมดแล้ว จะทำให้อัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ในปีนี้ ฟื้นตัวกลับมาอยู่ที่ 5.2% ซึ่งอยู่ในกรอบที่ STEC ประเมินไว้ 5 – 6%
สรุป โบรกฯ 4 แห่ง ประเมินกำไรสุทธิปี 65 ของ STEC ไวดังนี้
บล. |
กำไรสุทธิปี 65 (ลบ.) |
%chg YoY |
หยวนต้า |
1,206 |
79 |
เอเชีย พลัส |
1,144 |
80 |
ฟินันเซียฯ |
1,064 |
72 |
เมย์แบงก์ฯ |
1,038 |
99 |
*** โบรกฯ มอง Valuation น่าสนใจเข้าสะสม
บล.เอเซีย พลัส ระบุว่า มูลค่า (Valuation) ณ ปัจจุบัน ของ STEC มีความน่าสนใจ สะท้อนจากราคาหุ้นปัจจุบัน ซื้อขายบน PBV เพียง 1.52 เท่า ซึ่งเป็นระดับที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย PBV ย้อนหลัง 10 ปี ที่ 3.36 เท่า ถึง 55% ขณะที่ ราคาหุ้นยังค่อนข้าง Laggard กลุ่ม สะท้อนจากทั้งปี 64 ราคาหุ้น STEC ปรับตัวขึ้นเพียง 14.2%
ขณะที่ ดัชนีหุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ปรับตัวขึ้น 33.8% ทั้งที่ STEC มีปัจจัยพื้นฐานการฟื้นตัวที่โดดเด่นรอหนุนอยู่ในปี 65 และฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง
เช่นเดียวกับ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ที่มองว่า ปัจจุบัน STEC ซื้อขายบน PBV ต่ำสุดในรอบ 10 ปี ขณะที่มีกระแสเงินสดในมือสูงถึง 7 พันล้านบาท และ มีหลายโครงการจะเข้าประมูลเพิ่มในปี 65 พร้อมกับโอกาสชนะการประมูลสูงด้วย
*** ส่วนใหญ่แนะนำ"ซื้อ"
จากการสำรวจความคิดเห็นนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่แนะนำ"ซื้อ" เนื่องจากมองว่า ผลการดำเนินงานปี 65 ของ STEC มีแนวโน้มฟื้นตัวแรง หลังการแพร่ระบาดโควิด-19 เริ่มคลี่คลาย ประกอบกับ ไม่มีงานที่กดดันมาร์จิ้นอีกแล้ว ขณะที่ ราคาหุ้น ยัง Laggard หุ้นในกลุ่มเดียวกันอีกด้วย
บล. |
คำแนะนำ |
ราคาเหมาะสม (บ.) |
หยวนต้า |
ซื้อ |
21.50 |
เอเชีย พลัส |
ซื้อ |
18.00 |
ดีบีเอสฯ |
ซื้อ |
18.00 |
เมย์แบงก์ฯ |
ซื้อ |
17.00 |
เคทีบีฯ |
ซื้อ |
16.00 |
ราคาเฉลี่ย |
18.10 |
ดูเหมือนว่า นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ จะมีความเห็นตรงกันว่า ราคาหุ้น STEC ยังค่อนข้าง Laggard กลุ่มอยู่พอสมควร ซึ่งแม้เช้านี้หุ้น STEC จะปรับตัวขึ้นทำนิวไฮในรอบ 7 เดือน แต่ยังมีอัพไซด์เหลือให้ลุ้นอีกราว 19% เมื่อเทียบกับราคาเหมาะสมเฉลี่ยของโบรกเกอร์ ขณะที่การประกาศงบการเงินไตรมาส 4/64 ยังมีแนวโน้มที่กำไรสุทธิ จะเป็นจุดเริ่มต้นของการฟื้นตัวอีกด้วย ....