ราคาหุ้น SAT วันนี้ปิดภาคเช้าบวกสวน SET ที่ปิดลบ 9.66 จุด คาดได้รับปัจจัยหนุจากงบ Q4/63 โตกว่าตลาดคาดถึง 52% ขณะที่ผลงานปีนี้ มีแนวโน้มฟื้นแรงตามอุตสาหกรรมยานยนต์-มีออเดอร์ใหม่ ส่งผลให้โบรกฯต้องอัพกำไร-ราคาเป้าหมายปี 64 แต่ราคาหุ้นที่พุ่งแรงในช่วงนี้ จะเป็นจังหวะที่เหมาะสมในการลงทุนหรือไม่? ต้องติดตาม!
*** ปิดภาคเช้าบวกแรงสวน SET Index
ราคาหุ้น บริษัท สมบูรณ์ แอ๊ดวานซ์ เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ SAT ช่วงเช้าวันนี้ (19 ก.พ.64) ดีดขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่ราคา 17.70 บาท ก่อนปิดซื้อขายภาคเช้าด้วยราคา 17.40 บาท เพิ่มขึ้น 1.10 บาท หรือ 6.75% มีปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้น 446.33% จาก 5 วันทำการก่อนหน้า
โดยสาเหตุที่ทำให้ราคาหุ้น SAT ปิดซื้อขายภาคเช้าในแดนบวก สวนทางดัชนีหุ้นไทย (SET Index) ที่ปรับตัวลง 9.96 จุด หรือ -0.66% เนื่องจากกำลังได้รับปัจจัยหนุน จากการประกาศงบไตรมาส 4/63 จำนวน 240 ล้านบาท เติบโตขึ้น 14% จากปีก่อน และเติบโตขึ้น 199% จากไตรมาสก่อน ซึ่งดีกว่าที่ตลาดคาดไว้ราว 52%
นอกจากนี้ SAT ยังประกาศจ่ายเงินปันผลงวดครึ่งหลังปี 63 จำนวน 0.48 บาท/หุ้น หรือคิดเป็นอัตราผลตอบแทน (Dividend Yield) 2.94% โดยจะขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 3 มี.ค.นี้
*** Q1/64 ยังเดินหน้าโต หลังอุตสาหกรรมฟื้นตัว- รับรู้ออเดอร์ใหม่
บริษัทหลักทรัพย์(บล.)เอเซีย พลัส ระบุว่า กำไรสุทธิช่วงไตรมาส 1/64 ของ SAT ยังมีแนวโน้มเติบโตขึ้นจากปีก่อน และไตรมาสก่อนหน้า โดยมีปัจจัยหนุนจากยอดคำสั่งซื้อที่มีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง จากการรับรู้ออเดอร์ผู้ผลิตชิ้นส่วนในสหรัฐฯเต็มไตรมาส ประกอบกับ SAT เพิ่งได้ออเดอร์สินค้าประเภทเพลาข้าง และเพลาขับ จาก บริษัทในไทย มูลค่าราว 330 ล้านบาท/ปี (ระยะเวลาสัญญา 7 ปี) ขณะเดียวกัน SAT ยังคงพยายามหาออเดอร์ใหม่อย่างต่อเนื่อง
สอดคล้องกับ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ที่มองว่ากำไรสุทธิไตรมาส 1/64 ของ SAT ยังคงเดินหน้าเติบโตขึ้นจากปีก่อน และไตรมาสก่อน ตามอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ที่ฟื้นตัว ประกอบกับ SAT จะรับรู้รายได้จากลูกค้าใหม่อย่างบริษัท "DANA" ในสหรัฐฯเต็มไตรมาส ขณะที่ อัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ยังปรับตัวขึ้นจากปีก่อน ตามการปรับปรุงระบบการผลิต และควบคุมต้นทุนได้ดีขึ้น
ส่วนประเด็น "ฮอนด้า"ประกาศหยุดไลน์การผลิต ในนิคมโรจนะ จ.ปราจีนบุรี ชั่วคราว 13 วัน ระหว่าง 8 - 20 ม.ค.64 เนื่องจากปัญหา Supply Chain ในต่างประเทศสะดุด จะไม่ส่งผลกระทบเชิงลบอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจาก SAT มีรายได้จาก"ฮอนด้า"เพียง 4% ของรายได้ทั้งหมดเท่านั้น
*** ยอดผลิตรถยนต์ปี 64 มีอัพไซด์ หลังเริ่มฉีดวัคซีนโควิด-19
ก่อนหน้านี้ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (สอท.) คาดการณ์ยอดผลิตรถยนต์ปี 64 จะเติบโตขึ้น 5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สู่ระดับ 1.5 ล้านคัน ในปีนี้
ขณะที่ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ประเมินว่า ยอดผลิตรถยนต์ปี 64 อาจมีแนวโน้มเติบโตมากกว่าประมาณการของ สอท. โดยคาดไว้ที่ 1.59 ล้านคัน เติบโตขึ้น 12% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน หลังการแพร่ระบาดโควิด-19 ในหลายประเทศทั่วโลกเริ่มคลี่คลาย จากการเริ่มฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19
*** SAT อาจได้อานิสงส์จากลูกค้ารายใหญ่ฟื้นตัว
บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุว่า ลูกค้ารายใหญ่ที่สุดของ SAT คือ รถกระบะของ"มิตซูบิชิ" ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 30% ของรายได้ทั้งหมด ซึ่งนับจากเดือน ม.ค. - พ.ย.63 จำนวนรถกระบะที่"มิตซูบิชิ"ผลิต ลดลงอย่างมีนัยสำคัญถึง 39.2% เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยเป็นการลดลงมากสุดในกลุ่มบริษัทผู้ผลิตรถกระบะชั้นนำ ตัวเลขที่ลดลงดังกล่าว เกิดจากการส่งออกที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญในปี 63
ดังนั้น เมื่อพิจารณาถึงการฟื้นตัวของยอดส่งออกรถยนต์ปี 64 ที่คาดเริ่มต้นในช่วงไตรมาส 2/64 เป็นต้นไป ทำให้คาดปริมาณการผลิตรถกระบะของ"มิตซูบิชิ"จะฟื้นตัวตาม และจะเป็นประโยชน์ทางอ้อมกับ SAT อย่างมีนัยสำคัญ
*** โบรกฯ อัพกำไรปี 64 คาดโต 87.06 - 115%
บล.เคทีบี (ประเทศไทย) ระบุว่า ได้ปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 64 ของ SAT ขึ้นจากเดิม 24% เป็น 800 ล้านบาท เติบโตขึ้น 115% เมื่อเทียบกับปี 63 โดยมีสาเหตุหลักจากรายได้เติบโตขึ้น 16% จากปีก่อน ประกอบกับ การปรับ GPM ขึ้นเป็น 19.5% (เดิม 17.5%) เนื่องจากมีคำสั่งซื้อใหม่ทั้งปี ที่มี GPM สูงขึ้น และได้ผลบวกจากการปรับปรุงกระบวนการผลิตเต็มปี
นอกจากนี้ ยังปรับประมาณการส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วม เพิ่มขึ้น 82% เป็น 62 ล้านบาท หลังอุตสาหกรรมยานยนต์ มีแนวโน้มกลับมาฟื้นตัว เมื่อเทียบกับปีก่อน
สอดคล้องกับ บล.ฟินันเซีย ไซรัส ที่ปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 64 ของ SAT ขึ้น 16% เป็น 655 ล้านบาท เติบโตขึ้น 100% จากปีก่อน ตามการฟื้นตัวของยอดผลิตรถยนต์ในประเทศที่คาดเพิ่มขึ้น 5.6% จากปีก่อน ประกอบกับ การฟื้นตัวของยอดส่งออกรถยนต์ และโครงการลดต้นทุนในการผลิตที่มีประสิทธิภาพ จะช่วยหนุนอัตราการทำกำไรเพิ่มขึ้น
ส่วนนักวิเคราะห์อีก 2 แห่ง ประเมินกำไรสุทธิ ปี 64 ของ SAT ไว้ดังนี้
บล. |
กำไรสุทธิปี 64 (ลบ.) |
%Chg.YoY |
เอเซีย พลัส |
694 |
87.06 |
หยวนต้า |
766 |
106.4 |
*** มูลค่าน่าสนใจ - หวังปันผลได้ 4.9 - 7%
บล.เอเซีย พลัส ระบุว่า มูลค่า (Valuation) ของ SAT ปัจจุบัน ถือว่ามีความน่าสนใจ จาก PER และ PBV ปี 64 อยู่ที่ 10 เท่า และ 0.93 เท่า ตามลำดับ ขณะที่ คาดจ่ายเงินปันผลปี 64 คิดเป็น Dividend Yield ราว 5.5%
ขณะที่ นักวิเคราะห์อีก 4 แห่ง ประเมิน Dividend Yield ปี 64 ของ SAT ไว้ดังนี้
บล. |
Div.Yield ปี 64 |
เคทีบี |
4.90% |
หยวนต้า |
5.50% |
ฟินันเซียฯ |
5.90% |
โนมูระฯ |
7.00% |
*** เริ่มเห็นภาพฟื้นตัวชัดเจน จนโบรกฯต้องอัพราคาเป้าหมาย
จากการสำรวจความคิดเห็นนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่แนะนำ"ซื้อ" และปรับราคาเป้าหมายหุ้น SAT ขึ้นด้วย เนื่องจากมองว่า กำไรสุทธิปี 64 ของ SAT จะกลับมาเติบโตได้อย่างโดดเด่น หลังอุตสาหกรรมยานยนต์ฟื้นตัว ประกอบกับ SAT พยายามหาลูกค้ารายใหม่อย่างต่อเนื่อง และยังมีโครงการประหยัดต้นทุน ช่วยหนุนอัตราการทำกำไรเพิ่มขึ้น
บล. |
คำแนะนำ |
ราคาเหมาะสมเดิม (บ.) |
ราคาเหมาะสมใหม่ (บ.) |
ฟินันเซีย |
ซื้อ |
15.40 |
18.50 |
หยวนต้า |
ซื้อ |
16.30 |
19.20 |
เอเซีย พลัส |
ซื้อ |
15.10 |
19.60 |
เคทีบี |
ซื้อ |
17.50 |
22.00 |
โนมูระฯ |
ซื้อ |
18.00 |
25.00 |
ราคาเฉลี่ย |
16.46 |
20.26 |
สำหรับนักลงทุนที่เพิ่งเข้ามาสนใจหุ้น SAT ในช่วงนี้ อาจยังไม่สายเกินไปที่จะเข้าลงทุน เนื่องจากราคาหุ้นที่ซื้อขาย ณ ปัจจุบัน มีอัพไซด์เฉลี่ยจากราคาเหมาะสมของนักวิเคราะห์ราว 17.10% ขณะที่ผลประกอบการยังมีแนวโน้มฟื้นตัวโดดเด่น นอกจากนี้ นักลงทุนยังสามารถคาดหวังเงินปันผลในระดับสูง ราว 4.9 - 7% ได้อีกด้วย