เช้านี้ SYNEX ดีดทำ All Time High คาดได้รับปัจจัยหนุน หลังโบรกฯแห่เพิ่มราคาเป้าหมาย เหตุมองกำไรปีนี้ยังเดินหน้าโตต่อเนื่อง หลังความต้องการสินค้าไอทียังอยู่ในระดับสูง พร้อมจับมือ DELTA ขายสินค้าประเภท EV Charger ...แต่การเข้าลงทุนในช่วงนี้ เป็นจังหวะเหมาะสมแค่ไหน? ต้องติดตาม!
*** ดีด All Time High รับ Fund Flow ไหลเข้า
ราคาหุ้น บริษัท ซินเน็ค (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ SYNEX ช่วงเช้าวันนี้ (3 ก.พ.64) ดีดขึ้นไปทำจุดสูงสุดของวันที่ราคา 21.30 บาท ทำ All Time High ก่อนปิดซื้อขายภาคเช้าด้วยราคา 20.80 บาท เพิ่มขึ้น 2.50 บาท หรือ 13.66% มีปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้น 494.88% จาก 5 วันทำการก่อนหน้า
โดย บทวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) จีเอ็มโอ-แซด คอม (ประเทศไทย) ระบุถึงสาเหตุที่ทำให้ราคาหุ้น SYNEX ช่วงเช้าวันนี้ ปรับตัวขึ้นทำ All Time High เนื่องจาก ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล (Bond Yield) สหรัฐฯ ปรับตัวลง ส่งผลให้เม็ดเงินต่างชาติ (Fund Flow) ไหลกลับเข้ามาเก็งกำไรหุ้นกลุ่ม Growth Stock ในตลาดหุ้นไทย ซึ่ง SYNEX เป็นหนึ่งในนั้น
*** ครึ่งแรกปี 64 โตโดดเด่น Iphone12-โควิดหนุนยอดขาย
บล.ฟินันเซีย ไซรัส ประเมิน ผลประกอบการครึ่งแรกปี 64 ของ SYNEX ยังอยู่ในทิศทางการเติบโตต่อเนื่อง โดยมีปัจจัยหนุนจากคำสั่งซื้อ IPhone12 ที่ค้างมาจากปลายปี 63 และยังมีปัจจัยบวก จากการแพร่ระบาดโควิด-19 ระลอก 2 ในประเทศไทย ส่งผลให้หลายบริษัท จำเป็นต้องให้พนักงานทำงานที่บ้าน (Work from Home) เป็นผลดีต่อยอดขายสินค้า IT โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าที่มีมาร์จิ้นสูง อย่างกลุ่ม Computer Parts และกลุ่ม Enterprise
ด้าน บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ระบุว่า ยอดขายเดือน ม.ค. - ก.พ.64 ของ SYNEX ยังเติบโตโดดเด่น แม้สินค้าบางกลุ่มขาดตลาด แต่ยังมียอดขายจากสินค้ากลุ่มอื่นชดเชย สะท้อนความต้องการสินค้า IT ที่อยู่ในระดับสูงทุกกลุ่มสินค้า นอกจากนี้ ในช่วงภาวะสินค้าขาดตลาด ยังเป็นปัจจัยบวกต่อมาร์จิ้น เพราะทำให้ไม่มีการต่อรองราคาเหมือนในภาวะปกติ
ส่วน บล.ทิสโก้ ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ผลประกอบการครึ่งแรกปี 64 ของ SYNEX ยังเติบโตโดดเด่น หนุนโดยการเป็นพันธมิตรกับผู้ผลิตอุปกรณ์ในตลาด Gaming ซึ่งเป็นตลาดที่มีอัตรากำไรขั้นต้น (GPM)สูง และมีการเติบโตที่ดีกว่าผลิตภัณฑ์กลุ่มอื่น นอกจากนี้ ความต้องการสินค้า IT ยังอยู่ในระดับสูง ตามการเริ่มต้นของโทรศัพท์มือถือ 5G ท่ามกลางสินค้าที่ยังขาดแคลน โดยยอดขายผลิตภัณฑ์ Apple เช่น iPhone, Macbook และ iPad ยังอยู่ในระดับสูง เนื่องจากมีการพัฒนาเทคโนโลยีที่ดีขึ้น
*** เดินหน้ากระจายรายได้ จากหลากหลายสินค้า
บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ระบุว่า SYNEX มีคุณภาพการกระจายตัวของยอดขายเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยสัดส่วนยอดขายจาก Huawei ลดเหลือเพียง 13% จากรายได้ทั้งหมดในปี 63 เทียบกับปี 61 ที่อยู่ในระดับ 33% ขณะที่รายได้ที่เติบโตในปี 63 มาจากสินค้ากลุ่ม IT Commercial ไม่ได้พึ่งพาแต่เพียงสินค้ากลุ่มโทรศัพท์มือถือเหมือนที่ผ่านมา สะท้อนการกระจายความเสี่ยงที่มีคุณภาพสูงขึ้นมาก
ขณะเดียวกัน ในปีนี้ SYNEX ยังคงดำเนินกลยุทธ์กระจายรายได้ จากสินค้าหลายประเภทต่อเนื่อง โดย SYNEX จะเริ่มเข้าสู่ตลาดสินค้า EV Charger ด้วยการเริ่มต้นขายสินค้าของกลุ่ม DELTA ซึ่งเป็น Supplier รายใหม่ในปี 64 ต่อจาก Nintendo โดยเบื้องต้น SYNEX จะเริ่มขายสินค้า EV Charger ให้กับตลาดผู้พักอาศัย ในช่วงไตรมาส 2/64 และจะเพิ่มสินค้าของกลุ่ม DELTA ขึ้นอีกในระยะต่อไป
ส่วน บล.เคทีบี (ประเทศไทย) ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า หลังจากที่ SYNEX เริ่มขายสินค้า EV Charge ของกลุ่ม DELTA ในปีนี้แล้ว ในระยะต่อไปมีโอกาสสูงที่ SYNEX จะขยายธุรกิจเข้าสู่อุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งจะทำให้ SYNEX มีรายได้จากหลายธุรกิจเพิ่มขึ้นอีก
*** ยอดขายปีนี้อาจโตมากกว่าเป้า 10 - 15%
บล.เคทีบี (ประเทศไทย) ระบุว่า จากการประชุมนักวิเคราะห์ล่าสุด SYNEX ตั้งเป้ายอดขายปี 64 เติบโตขึ้น 10 - 15% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีปัจจัยหนุน จากยอดขายกลุ่ม Device และ Software ในประเทศไทย ขยายตัว 12% และ 14% จากปีก่อนตามลำดับ หลังมีการลงทุนใน Infrastructure และ Cloud เพิ่มขึ้น
ขณะที่ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ระบุว่า เป้าการเติบโต 10 - 15% ของยอดขายในปี 64 เท่ากับประมาณการปัจจุบันของเรา อย่างไรก็ดี เป้าหมายดังกล่าว มีโอกาสถูกปรับขึ้น เพราะยังไม่รวมปัจจัยบวกจากการได้สินค้าใหม่เพิ่มเติม ประกอบกับ ปัจจุบันสินค้าไอทียังขาดตลาด แต่มีความต้องการสูงในทุกกลุ่มสินค้า
ส่วน บล.ฟินันเซีย ไซรัส ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ปัญหาสินค้าไอทีขาดตลาด จะจบลงในช่วงปลายไตรมาส 1/64 โดยปัจจุบัน เริ่มเห็นการผลิตสินค้าเข้าสู่ตลาดเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
*** กำไรปีนี้จ่อทำ All Time High คาดโต 8-18.69%
บล.เคทีบี (ประเทศไทย) ที่ประเมินกำไรสุทธิปี 64 ของ SYNEX ไว้ที่ 762 ล้านบาท ทำ All Time High (กำไรสูงสุดตลอดกาล) เติบโตขึ้น 18.69% เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยมีปัจจัยหนุน จากการรับรู้รายได้ของสินค้าใหม่เต็มปี รวมทั้งการหาพาร์ทเนอร์ และเพิ่มแบรนด์สินค้าใหม่ต่อเนื่อง ประกอบกับ GPM จะเพิ่มขึ้นเป็น 4.7% ตามแนวโน้มรายได้จากการขายสินค้าออนไลน์เพิ่มขึ้น จากการเป็น online official store ให้กับสินค้าแบรนด์ต่างๆ เพิ่มขึ้น
เช่นเดียวกับ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ที่ประเมินกำไรสุทธิปี 64 ของ SYNEX ไว้ที่ 717 ล้านบาท เติบโตขึ้น 11% จากปีก่อน โดยมีปัจจัยหนุน หลังยังมีคำสั่งซื้อที่รอส่งให้ลูกค้า โดยเฉพาะ Notebook, IT gadgets และ PC ที่กลับมาได้รับความนิยม ตามกระแสคริปโทเคอร์เรนซี นอกจากนี้ ยังมีการเติบโตของยอดขายโทรศัพท์มือถือบนเทคโนโลยี 5G และการเป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้าแบรนด์ใหม่เพิ่มเติม
ขณะที่ นักวิเคราะห์อีก 2 แห่งประเมินกำไรสุทธิปี 64 ของ SYNEX ไว้ดังนี้
บล. |
กำไรสุทธิปี 64 (ลบ.) |
%Chg.YoY |
หยวนต้า |
728 |
13.39 |
ฟินันเซียฯ |
692 |
8 |
*** โบรกฯ ส่วนใหญ่แนะนำ"ซื้อ"
จากการสำรวจความคิดเห็นนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่แนะนำ"ซื้อ"เพราะมองว่า SYNEX มีศักยภาพเติบโตในระยะยาว จากการเข้าสู่ยุค Iot ที่ทำให้ความต้องการสินค้าไอทีเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ขณะเดียวกัน SYNEX ยังเป็นบริษัทที่สามารถกระจายความเสี่ยงได้ดี จากการมีรายได้หลายช่องทาง จากสินค้าหลายแบรนด์ และยังคงมองหาช่องทางใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง
บล. |
คำแนะนำ |
ราคาเหมาะสม (บ.) |
ฟินันเซียฯ |
ซื้อ |
19.00 |
หยวนต้า |
ซื้อ |
21.50 |
กสิกรไทย |
ซื้อ |
23.00 |
เคทีบี |
ซื้อ |
25.00 |
ราคาเฉลี่ย |
22.12 |
ต้องยอมรับว่า การดีดทำ All Time High ของ SYNEX เช้านี้ ทำให้การเข้าลงทุนเริ่มมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น เนื่องจากราคาหุ้น SYNEX ที่ซื้อขายปัจจุบัน เริ่มมีอัพไซด์แคบลงเหลือเพียงราว 6.3% เท่านั้น แต่สำหรับนักลงทุนที่ยังชอบการเติบโตของ SYNEX และรับความเสี่ยงได้น้อย อาจต้องรอจังหวะให้ราคาหุ้นย่อตัวลงมากว่านี้เสียก่อน แล้วจึงค่อยทยอยเข้าสะสมหุ้น...