เช้านี้หุ้น MINT ปิดลบ 1.53% แม้มีปัจจัยบวกเปิดประเทศหนุนก็ตาม ขณะที่ โบรกฯคาดผลการดำเนินงานโค้งสามฟื้นไวกว่ากลุ่มฯ หลังโรงแรมยุโรป - มัลดีฟส์ฟื้นแรง หนุนโบรกฯหั่นขาดทุนปี 64 ลดลงเหลือ 1.2 – 1.4 หมื่นล้านบาท ก่อนปี 65 พลิกกำไร 1.4 – 4.3 พันล้านบาท ตามการเปิดประเทศ – โรงแรงยุโรปฟื้นแรงต่อเนื่อง
*** เช้านี้เคลื่อนไหวผันผวน ก่อนปิดลบ 1.53%
ราคาหุ้น บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT ช่วงเช้าวันนี้ เคลื่อนไหวผันผวน โดยราคาหุ้นดีดขึ้นไปทำจุดสูงสุด ที่ราคา 33.25 บาท ในแดนบวก ก่อนช่วงท้ายพลิกกลับมาปิดลบ ที่ราคา 32.25 บาท ลดลง 0.5 บาท หรือ -1.53% แม้จะมีปัจจัยเปิดประเทศ, ยกเลิกเคอร์ฟิว และ อนุญาตดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ในบางพื้นที่ได้แล้วก็ตาม
*** กูรูชี้เปิดประเทศรอบนี้ นักท่องเที่ยวต่างชาติยังไม่คึกคัก
บทวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) คันทรี่ กรุ๊ป มองว่า การเปิดประเทศครั้งแรกในรอบเกือบ 2 ปี ยังไม่สามารถคาดหวังการเดินทางเข้ามา ของกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติจำนวนมากได้ เนื่องจาก นักท่องเที่ยวชาวจีน สัดส่วนลำดับต้นๆ ที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทย ยังเดินทางออกจากประเทศได้ค่อนข้างยาก ขณะที่ อัตราการติดเชื้อรายวันในประเทศไทย ยังสูงกว่า ประเทศกลุ่มเป้าหมายท่องเที่ยวอื่นๆ อาทิ ญี่ปุ่น, เกาหลีใต้ และ อินโดนีเซีย อีกด้วย
สอดคล้องกับ บล.กรุงศรี ที่เสริมว่า การเปิดประเทศในรอบนี้เป็นบวกทางจิตวิทยา ซึ่งในทางทฤษฏีนับเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย แต่ในทางปฏิบัติ การฟื้นตัวคงจะทยอยฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป เนื่องจากการเปิดประเทศครั้งนี้ ยังมีเงื่อนไขและข้อจำกัด อีกหลายประเด็น
*** แต่โบรกฯมองงบ Q3/64 ฟื้นเด่นกว่ากลุ่ม หลังยุโรปฟื้นแรง
บล.เคทีบีเอสที มองว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 3/64 ของ MINT มีแนวโน้มฟื้นตัวโดดเด่นกว่าหุ้นในกลุ่มเดียวกัน โดยคาด MINT จะขาดทุนลดลงเหลือ 2.5 พันล้านบาท เทียบกับปีก่อน ขาดทุนสุทธิ 4.78 พันล้านบาท เนื่องจากธุรกิจโรงแรมในทวีปยุโรป (60% ของรายได้ทั้งหมด) ฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญ
ทั้งนี้ รายได้ต่อห้อง (Rev Par) ของ NH Hotel เพิ่มขึ้น 200% จากปีก่อน หลังมีการเปิดท่องเที่ยวกันเอง ระหว่างประเทศในทวีปยุโรป และเป็นช่วงไฮซีซั่น ประกอบกับ อัตราการเข้าพักที่โรงแรมในมัลดีฟส์ เพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว เพราะช่วงเดียวกันของปีก่อน ต้องปิดดำเนินการจากผลกระทบการแพร่ระบาดโควิด-19 นอกจากนี้ MINT ยังมีกำไร จากการขายโรงแรมในประเทศลิทัวเนีย อีก 2 แห่ง จำนวน 1 พันล้านบาท แต่ยังไม่ได้รวมอยู่ในประมาณการของเรา
สอดคล้องกับ บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ที่มองว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 3/64 ของ MINT จะฟื้นตัวขึ้นทั้งเทียบปีก่อน และไตรมาสก่อน โดยมีสาเหตุหลัก จากโรงแรมในทวีปยุโรปฟื้นตัวโดดเด่น ส่งผลให้ Rev Par รวมในไตรมาสนี้ อยู่ที่ 1.5พันบาท เติบโตขึ้น 75% จากปีก่อน และ เติบโตขึ้น 113% จากไตรมาสก่อน
ขณะที่ EBITDA margin รวมคาดติดลบเหลือ 7% เทียบไตรมาสก่อนติดลบ 15.5% หลังอัตรากำไรของโรงแรมสูงขึ้น ตามการท่องเที่ยวในทวีปยุโรป และ มัลดีฟส์ กลับมาเป็นบวก เนื่องจากมีการผ่อนปรนมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดโควิด-19 มากขึ้น
*** โบรกฯปรับขาดทุนลดลง หลัง Q4/64 เห็นแววฟื้นต่อเนื่อง
บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ระบุว่า ได้ปรับเพิ่มประมาณการปี 64 ของ MINT เป็นเหลือขาดทุน 1.4 หมื่นล้านบาท (เดิมคาด 1.8 หมื่นล้านบาท) หลังผลการดำเนินงานไตรมาส 3/64 มีแนวโน้มดีกว่าคาดการณ์เดิม จากฤดูร้อนในทวีปยุโรปนานกว่าปกติ 2 เดือน ประกอบกับ การทยอยเปิดประเทศของไทย จะช่วยหนุนผลการดำเนินงานไตรมาส 4/64 อีกด้วย
เช่นเดียวกับ บล.ฟินันเซีย ไซรัส ที่ปรับลดขาดทุนสุทธิของ MINT ลงเหลือ 1.22 หมื่นล้านบาท (เดิม 1.28 หมื่นล้านบาท) เพื่อสะท้อนผลการดำเนินงานธุรกิจโรงแรมในทวีปยุโรปฟื้นตัวขึ้น ส่งผลให้ EBITDA margin เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ประกอบกับ ไตรมาส 4/64 ยังมีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง จากอัตราการเข้าพัก (Occupancy) ของโรงแรมในทวีปยุโรปทรงตัวสูงเหนือ 60%
นอกจากนี้ การเปิดประเทศตั้งแต่ 1 พ.ย.64 ของไทย จะทำให้ธุรกิจโรงแรม และร้านอาหารปรับตัวดีขึ้น หลังรัฐบาลเริ่มคลายมาตรการควบคุมโรคที่เข้มขึ้นลงบ้าง ส่งผลให้อัตราการเข้าพักของโรงแรมในประเทศ มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 35% ขณะที่ อัตราการเติบโตของยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ของธุรกิจร้านอาหาร คาดว่า จะเริ่มพลิกเป็นบวก ตั้งแต่ไตรมาส 4/64 เป็นต้นไป
*** ลุ้นปี 65 พลิกกำไร 1.4 – 4.3 พันลบ. หลังยุโรปฟื้นแรงต่อ
บล.เคทีบีเอสที ประเมินกำไรสุทธิปี 65 ของ MINT ไว้ที่ 2.1 พันล้านบาท เทียบกับปี 64 ที่คาดขาดทุนสุทธิ 1.4 หมื่นล้านบาท โดยปัจจัยหนุน ที่ทำให้ MINT กลับมามีกำไรสุทธิในปีหน้า คือ ธุรกิจโรงแรม มีแนวโน้มฟื้นตัวได้รวดเร็วที่สุดในกลุ่มท่องเที่ยว หลังธุรกิจโรงแรมในทวีปยุโรป มีแนวโน้มเริ่มฟื้นตัวแรง ตั้งแต่ไตรมาส 3/64 เป็นต้นไป และ คาดยังต่อเนื่องถึงปี 65
ขณะที่ นักวิเคราะห์อีก 3 ราย ประเมินกำไรสุทธิปี 65 ของ MINT ไว้ดังนี้
บล. |
กำไรสุทธิปี 65 (ลบ.) |
%chg YoY. |
เคจีไอ |
4,374 |
พลิกกำไร |
ฟินันเซีย |
2,402 |
พลิกกำไร |
หยวนต้า |
1,431 |
พลิกกำไร |
*** กูรูชี้ จุดเด่นคือฟื้นไวกว่ากลุ่ม - สถานะการเงินแกร่ง
บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ระบุว่า ยังคงแนะนำ"ซื้อ" MINT เพราะจุดเด่น คือ ผลการดำเนินงานฟื้นตัวไวกว่ากลุ่ม เพราะโรงแรมส่วนใหญ่อยู่ในทวีปยุโรป ที่มีการผ่อนคลายมาตรการคุมโรคไปมากพอสมควร ประกอบกับ ยุโรป เป็นทวีปที่มีอัตราการฉีดวัคซีนจำนวนมากกว่าทวีปอื่น
นอกจากนี้ MINT ยังประสบความสำเร็จในการออกหุ้นกู้ ที่มีลักษณะคล้ายทุนสกุลเงินเหรียญสหรัฐฯอีก 300 ล้านเหรียญฯ (ประมาณ 9.5 พันล้านบาท ) ซึ่งปัจจุบัน MINT มี Net debt to equity ที่ระดับเพียง 1.8 เท่า ดังนั้น จึงทำให้ MINT มีความแข็งแกร่งทางการเงินมากเพียงพอ ที่จะรองรับสถานการณ์โควิด-19 ได้แบบไม่ต้องกังวลเรื่องสถานะการเงิน เหมือนกับหลายบริษัทในกลุ่มฯ
*** ส่วนใหญ่แนะนำ"ซื้อ" พร้อมอัพเป้าราคา
จากการสำรวจความคิดเห็นนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่แนะนำ"ซื้อ" พร้อมกับปรับราคาเหมาะสมของ MINT ขึ้นด้วย เนื่องจากมองว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 3/64 ของ MINT มีแนวโน้มรายงานขาดทุนลดลงได้มากกว่าที่คาดการณ์ไว้เดิม ขณะที่ การฟื้นตัวยังมีแนวโน้มเร็วที่สุดในกลุ่ม จากธุรกิจในทวีปยุโรปฟื้นตัวขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ตั้งแต่ไตรมาส 3/64 เป็นต้นไป
บล. |
คำแนะนำ |
ราคาเหมาะสมใหม่ (บ.) |
ราคาเหมาะสมเดิม (บ.) |
ฟินันเซียฯ |
ซื้อ |
42.00 |
38.00 |
เคจีไอ |
ซื้อ |
42.00 |
38.00 |
หยวนต้า |
ซื้อ |
40.75 |
35.40 |
ราคาเฉลี่ย |
41.58 |
37.13 |
ภายใต้ราคาเหมาะสมใหม่ของ MINT ที่โบรกเกอร์เพิ่งปรับขึ้นใหม่ ส่งผลให้ ราคาหุ้น MINT ที่ซื้อขาย ณ ปัจจุบัน มีอัพไซด์เพิ่มขึ้นเป็น 28.93% เมื่อเทียบกับราคาเหมาะสมเฉลี่ยของนักวิเคราะห์ ขณะที่ ผลการดำเนินงาน มีแนวโน้มเร่งตัวขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ตั้งแต่ไตรมาส 3/64 เป็นต้นไป ตามการคาดการณ์ของโบรกเกอร์...