โบรกฯ แห่ปรับ "เพิ่ม-ลด" ราคาเป้าหมายหุ้นกลุ่มแบงก์ ระบุ KKP-KBANK- TISCO ถูกปรับกำไรสุทธิปี 64 เพิ่มขึ้นมากสุด สวนทาง TMB ที่ถูกปรับลดกำไรลงรายเดียวในกลุ่ม พร้อมคาด SCB มีกำไรมูลค่ามากสุดในกลุ่ม ด้านบล.บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง ปรับเป้าราคาหุ้น SCB เป็น 115 บาท หลังคาดว่าผลประกอบการปีนี้โต 9-11%

*** โบรกฯปรับประมาณการกลุ่มแบงก์

    ผู้สื่อข่าว “สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย” สำรวจความคิดเห็นโบรกเกอร์ หลังปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 64, ราคาเป้าหมาย และคำแนะนำ หุ้นในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ใหม่ หลังทั้ง 8 ธนาคารเพิ่งประกาศงบปี 63 ประกอบด้วย

    ทั้งนี้ พบว่ามีจำนวน 6 แบงก์ ได้แก่ บมจ.ธนาคารกสิกรไทย (KBANK),บมจ.ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB),บมจ.ธนาคารกรุงไทย (KTB),บมจ.ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป (TISCO),บมจ.ธนาคารเกียรตินาคินภัทร (KKP) และบมจ.ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) ที่ถูกโบรกเกอร์ปรับกำไรสุทธิปี 64 ขึ้น ขณะที่ บมจ.ธนาคารกรุงเทพ (BBL) ที่ไม่เปลี่ยนแปลง และ บมจ.ธนาคารทหารไทย (TMB) ที่ถูกปรับกำไรสุทธิปี 64 ลง

*** 3 หุ้นที่ถูกปรับกำไรขึ้นมากที่สุด

    บมจ.ธนาคารเกียรตินาคินภัทร (KKP) เป็นหุ้นที่มีโบรกเกอร์ปรับกำไรสุทธิปี 64 ขึ้นมากที่สุด จำนวน 3 แห่ง โดยคาดกำไรสุทธิใหม่อยู่ระหว่าง 5,392 – 6,371 ล้านบาท นอกจากนี้ยังเป็น บจ.ที่มีนักวิเคราะห์ปรับราคาเป้าหมายใหม่ขึ้นทั้งหมดอยู่ที่ระหว่าง 59 – 68 บาท

    รองลงมาเป็น บมจ.ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) และ บมจ.ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป (TISCO) ที่ถูกโบรกเกอร์ 2 แห่ง ปรับกำไรสุทธิขึ้น โดยคาดกำไรสุทธิปี 64 ของ KBANK อยู่ระหว่าง 2.1 – 3.4 หมื่นล้านบาท  ขณะที่ TISCO คาดอยู่ระหว่าง 6,524 – 6,760 ล้านบาท

*** คาด SCB กำไรมูลค่ามากสุดในกลุ่ม 

    ส่วน บมจ.ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) ถูกคาดหมายว่าจะรายงานกำไรสุทธิปี 64 สูงที่สุด ราว 2.6 – 3.5 หมื่นล้านบาท โดยมีโบรกเกอร์ 3 แห่ง จาก 4 แห่ง ปรับราคาเป้าหมายใหม่ขึ้นจากเดิม

*** บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง ปรับเป้าราคาหุ้น SCB

    บทวิเคราะห์ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง ระบุชอบ SCB เนื่องจากมีระดับเงินกองทุนที่สูงเพียงพอสำหรับความเสี่ยงด้านเครดิตที่อาจเกิดขึ้น โดยคาดว่าต้นทุนสินเชื่อที่ลดลงและการควบคุมต้นทุนที่ดีจะหนุนการเติบโตของกำไรในปีนี้ โดยคงคำแนะนำซื้อ และปรับเพิ่มเป้าหมายราคาหุ้นขึ้นมาเป็น 115 บาท (P/BV ปี 64 ที่ 0.9 เท่า, ROE 9.6%) หลังเพิ่มคาดการณ์กำไรปี 64-65 เพิ่มขึ้นประมาณ 3-5% เพื่อสะท้อนเป้าหมายทางการเงินใหม่ 

    ทั้งนี้ คาดว่าผลประกอบการ SCB ปีนี้จะเติบโต 9-11% เนื่องจากต้นทุนสินเชื่อที่ลดลงและการควบคุมต้นทุนที่ดี แม้ว่าตัวเลขเอ็นพีแอลจะค่อยๆเพิ่มขึ้น แต่เชื่อว่าต้นทุนสินเชื่อได้พุ่งสูงสุดแล้วในปี 63 ที่ระดับ  0.214% และคาดว่าในปี 64 จะลดลงอยู่ที่ 0.185% 

*** บล.เคทีบี เชียร์ซื้อ KKP ราคาเป้าหมาย 65 บาท

    บล.เคทีบี (ประเทศไทย) ระบุคงคำแนะนำ “ซื้อ” KKP และราคาเป้าหมายที่ 65.00 บาท เนื่องจากมีมุมมองเป็นบวกจาก 3 ปัจจัยหลัก ได้แก่ 1.สำรองฯที่ตั้งเผื่อโควิดรอบใหม่ไปแล้ว, 2.ธุรกิจกองทุนและหลักทรัพย์จะยังคงช่วยหนุนกำไรต่อได้ และ3.ลูกหนี้ที่เข้าร่วมโครงการช่วยเหลือปัจจุบันเหลือเพียง 11% ของสินเชื่อรวม จาก 40% ในงวดไตรมาส 3/63 ซึ่ง 75% สามารถกลับมาจ่ายได้เป็นปกติแล้ว

    พร้อมยังคงประมาณการกำไรสุทธิในปี64 อยู่ที่ 6.2 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 20% จากปีก่อน เนื่องจากระดับ NIM ที่ยังทรงตัวในระดับสูงที่ 4.67% จากเดิม 4.3% และรายได้ค่าธรรมเนียมจะเพิ่มขึ้น 6% จากปีก่อน เพราะมูลค่าซื้อขายหลักทรัพย์ที่อยู่ระดับสูง รวมถึงการตั้งสำรองฯที่มีแนวโน้มลดลง