กลุ่มแบงก์พาณิชย์  เปิดกำไรสุทธิโค้ง 2 ปีนี้ทรุดหนัก พบสาเหตุส่วนใหญ่มาจากการตั้งสำรองที่เพิ่มขึ้น โดย KBANK ถูกหั่นราคาเป้าหมายมากสุด 12.25% หลังกำไรสุทธิลดลงมากสุด ส่วน SCB ถูกหั่นเป้ากำไรปีนี้ ลงมากที่สุด 6.1 พันลบ. เหตุมีความเสี่ยงจากการตั้งสำรองในครึ่งปีหลังสูงสุด ขณะที่ล่าสุด KTB-SCB แจ้งกำไรไตรมาส 2/63 วูบ 53.1% และ 23.8% ตามลำดับ

*** เปิดงบแบงก์ไตรมาส 2/63 กำไรร่วงเกือบยกแผง

หลังจากสถานการณ์โควิด-19 ทยอยรุนแรงขึ้นตั้งแต่ปลายปี 62 ส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจต่างๆในประเทศไทยเป็นลูกโซ่ จึงปฏิเสธไม่ได้ว่าธนาคารพาณิชย์เป็นธุรกิจแรกๆที่จะได้รับผลกระทบจากวิกฤติเศรษฐกิจมาโดยเสมอ และยิ่งสถานการร์ลุกลามไปถึงการจ้างงาน ย่อมทำให้ลูกหนี้รายเล็กผิดนัดชำระกันตามระเบียบ

ทำให้ธนาคารต้องตั้งสำรองหนี้เพิ่มขึ้นจากสถานการณ์ปกติอย่างมาก เพื่อเพิ่มภูมิต้านทานต่อวิกฤติเศรษฐกิจในครั้งนี้ ซึ่งก็ทำให้ผลประกอบการในไตรมาส 2/63 ของทั้งกลุ่มปรับตัวลดลงรุนแรนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

*** รุมหั่นราคา-กำไรแบงก์ KBANKเจอหั่นราคามากสุด - SCBหั่นกำไรหนักสุด

"โดย ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK" ถูกปรับราคาเป้าหมายใหม่ลงจากเดิมมากที่สุด โดยสำรวจจาก 7 โบรกเกอร์ ราคาเป้าหมายใหม่เฉลี่ยอยู่ที่ 95.64 บาท (เดิม 109 บาท) หรือลดลง -12.25% ส่วนประมาณการกำไรสุทธิปี 63 ใหม่เฉลี่ยจาก 5 โบรกเกอร์ ลดลงเหลือ 21,167 ล้านบาท (เดิม 26,210 บาท) หรือลดลง -19.2%

"ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB" ถูกปรับราคาเป้าหมายใหม่เฉลี่ยจาก 4 โบรกเกอร์เหลือ 77.5 บาท (เดิม 86.75 บาท) หรือลดลง -10.6% ส่วนประมาณการกำไรสุทธิปี 63 จาก 2 โบรกเกอร์ ลดลงเหลือ 29,219 ล้านบาท (เดิม 35,368 ล้านบาท) หรือ -17.3%

"ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB" ถูกปรับราคาเป้าหมายเฉลี่ยใหม่จาก 4 โบรกเกอร์ เหลือ 11.65 บาท (เดิม 12.47 บาท) หรือลดลง 6.5% ส่วนกำไรสุทธิปี 63 เฉลียใหม่จาก 3 โบรกเกอร์ ลดลงเหลือ 23,212 ล้านบาท (เดิม 24,908 ล้านบาท) หรือ 6.8%

"ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) หรือ TMB" โดนปรับราคาเป้าหมายเฉลี่ยใหม่จาก 7 โบรกเกอร์ เหลือ 1.19 บาท (เดิม 1.35 บาท) หรือลดลง 11.8% ส่วนกำไรสุทธิปี 63 เฉลียใหม่จาก 3 โบรกเกอร์ คงที่ในระดับ 13,441 ล้านบาท

"บริษัท ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TISCO" โดนปรับราคาเป้าหมายเฉลี่ยใหม่จาก 4 โบรเกอร์เหลือ 80 บาท (เดิม 84 บาท) หรือลดลง 4.7% ส่วนกำไรสุทธิปี 63 เฉลียใหม่จาก 3 โบรกเกอร์ ลดลงเหลือ 6,467 ล้านบาท (เดิม 6,929 ล้านบาท) หรือ 6.6%

"ธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) หรือ KKP" ถูกปรับราคาเป้าหมายเฉลี่ยใหม่จาก 2 โบรกเกอร์เหลือ 48.25 บาท (เดิม 50.5 บาท) หรือลดลง 4.45%  ส่วนกำไรสุทธิปี 63 เฉลี่ยใหม่จาก 2 โบรกเกอร์ ลดลงเหลือ 5,399 ล้านบาท (เดิม 6,263 ล้านบาท) หรือ 13.7%

*** KTB-SCB เปิดงบโค้ง 2 กำไรดิ่งทั้งคู่

KTB รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 2/63 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 3,829.21 ล้านบาท ลดลง 53.1% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 8,169.67 ล้านบาท เนื่องจากมีตั้งสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่จะเกิดขึ้น 14,710 ล้านบาท และที่มีค่าใช้จ่ายในการตั้งสำรองหนี้สูญ อยู่ที่ 5,561 ล้านบาท ทำให้งวด 6 เดือนปี 63 มีกำไร 10,295.74  ล้านบาท ลดลง 33.5% จากงวดเดียวกันปี 62 ที่มีกำไร 15,470.75 ล้านบาท 

อย่างไรก็ดีในไตรมาสนี้มีกำไรจากการดำเนินงาน 20,107 ล้านบาท เพิ่มขึ้น +21.8% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ตามรายได้ดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น และการบริหารต้นทุนที่ดี และสินเชื่อขยายตัวได้ดี และมีรายการพิเศษ จากรายได้ดอกเบี้ยเงินให้สินเชื่อจากการขายทอดตลาดทรัพย์สินหลักประกันจำนอง

SCB เปิดกำไรสุทธิไตรมาส 2/63 มีกำไร  8,359.77 ล้านบาท ลดลง 23.8% จากช่วงเดียวกันปี 62 ที่มีกำไร 10,975.60 ล้านบาท ที่กำไรลดลงส่วนใหญ่มาจากการตั้งสำรองที่เพิ่มขึ้นรวมจำนวน 9,734 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 64.7% จากปีก่อน เพื่อเสริมสร้างอัตราส่วนค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพของธนาคาร อย่างไรก็ตามกำไรจากการดำเนินงานก่อนหักสำรองอยู่ที่ 20,136 ล้านบาท  เพิ่มขึ้น 3.9% จากปีก่อน

สำหรับงวดครึ่งปี 63 มีกำไร 17,610.77 ล้านบาท ลดลง 12.5% จากงวดเดียวกันปี 62 ที่มีกำไร 20,132.11 ล้านบาท จากการตั้งสำรองฯที่เพิ่มขึ้นจากปัจจัยด้านสภาพเศรษฐกิจที่อ่อนแอลง

*** กราฟแสดงความเปลี่ยนแปลงของประมาณการกำไรสุทธิ-ราคาเป้าหมาย