โบรกฯ เปิดรายชื่อ 24 หุ้นเด่น ราคายังปรับขึ้นน้อยกว่าตลาด(Laggard) และตกเป็นเป้าหมายฟันด์โฟลว์เข้าซื้อ ระบุเน้นกลุ่มที่พึ่งพาการบริโภคในประเทศเป็นหลัก กระจายอยู่ในกลุ่มการเงิน ค้าปลีก อาหาร โรงไฟฟ้า สื่อสาร และโรงพยาบาล
*** ASPS เปิดโผ 17 หุ้น ราคา Laggard -ตกเป็นเป้าฟันด์โฟลว์
บริษัทหลักทรัพย์(บล.) เอเซีย พลัส (ASPS) เปิดเผยผ่านบทวิเคราะห์ว่า ตลาดหุ้นไทยยังมี 3 ปัจจัยช่วยหนุน คือ 1.ฟันด์โฟลว์ต่างชาติ ที่มักจะไหลเข้าตลาดหุ้นปริมาณสูงกว่าเดิมในช่วงที่มีการเร่งฉีดวัคซีน 2. ดัชนีหุ้นไทยปรับตัวดีขึ้นกว่าหุ้นโลก และ 3.การเคลื่อนที่ออกจากบ้านไปซื้อของของประชากรเริ่มกลับมาอยู่ในระดับใกล้เคียงปกติ รวมทั้งเห็นมาตรการกระตุ้นจากภาครัฐต่อเนื่อง
ดังนั้นฝ่ายวิจัยฯจึงคัดกรองหาหุ้นที่มีโอกาส Outperform ได้ดีในช่วงต่อจากนี้ โดยแนะนําหุ้น Domestic ขนาดใหญ่ที่พื้นฐานแข็งแกร่ง และราคาหุ้นยังปรับตัวน้อยกว่าตลาด (Laggard) ซึ่งน่าจะเป็นเป้าหมายของฟันด์โฟลว์ในลําดับต้นๆต่อจากนี้
โดยผ่าน 3 เงื่อนไข ดังนี้ 1. เลือกหุ้น Domestic ขนาดใหญ่มีมาร์เก็ตแคปมากกว่า 4 หมื่นล้านบาทขึ้นไป, 2. มีพื้นฐานแข็งแกร่ง (ฝ่ายวิจัยฯแนะนํา “ซื้อ”) และ 3.ราคายังปรับตัวขึ้นช้ากว่ากลุ่มฯและตลาด ซึ่งสวนทางพื้นฐาน (ผลตอบแทนนับตั้งแต่ต้นปีน้อยกว่ากลุ่มฯและตลาด) ซึ่งได้ผลลัพธ์ได้หุ้นที่น่าสนใจลงทุนจำนวน 17 บริษัท ดังนี้ (ดูในตาราง)
บริษัท |
มาร์เก็ตแคป (ลบ.) |
มูลค่าที่เหมาะสม (บาท) |
อัพไซด์ |
ผลตอบแทน YTD |
กลุ่มหุ้นตัวเอง |
CPF |
234.66 |
42.00 |
54.10% |
1.90% |
16.40% |
EGCO |
92.92 |
230.00 |
30.30% |
-8.30% |
6.60% |
ADVANC |
518.98 |
220.00 |
28.80% |
-1.40% |
5.20% |
MTC |
131.97 |
80.00 |
28.50% |
5.50% |
20.10% |
BBL |
230.02 |
154.00 |
27.80% |
1.70% |
9.90% |
RATCH |
74.31 |
65.01 |
26.80% |
-3.30% |
6.60% |
SPALI |
45.86 |
25.50 |
19.20% |
4.40% |
15.20% |
BGRIM |
114.05 |
52.00 |
18.90% |
-9.80% |
6.60% |
WHA |
49.62 |
3.91 |
17.90% |
9.20% |
15.20% |
DTAC |
75.18 |
37.00 |
16.50% |
-4.50% |
5.20% |
LH |
99.18 |
9.65 |
16.30% |
4.40% |
15.20% |
BEM |
127.63 |
9.50 |
13.80% |
0.60% |
7.70% |
BJC |
141.27 |
39.50 |
12.10% |
1.40% |
12.20% |
BDMS |
349.62 |
24.00 |
9.10% |
5.80% |
12.90% |
CPALL |
545.72 |
65.50 |
7.80% |
4.30% |
12.20% |
AOT |
925.00 |
67.00 |
3.50% |
4.00% |
7.70% |
HMPRO |
193.32 |
14.90 |
1.40% |
7.30% |
12.20% |
*** MBKET ยกหุ้น 7 ตัวใน 4 กลุ่ม เป็น Top Pick
ด้านบล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ MBKET ระบุในบทวิเคราะห์ว่ายกหุ้น 7 ตัวใน 4 กลุ่มเป็น Top Pick เพราะคาดว่าจะได้รับอานิสงส์จากเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว อาทิ
1.กลุ่มธนาคารพาณิชย์ (แบงก์) แนะนำ KBANK เพราะได้ประโยชน์ทางอ้อมจากมาตรการที่เน้นกระตุ้นการบริโภค / ฐานราก / ธุรกิจรายย่อย จากสัดส่วนลูกค้าที่เป็น SMEs สูง ขณะที่แนวโน้มกาไรปี 64 -65 น่าจะขยายตัว 8-11% จากต้นทุนสินเชื่อที่ต่ำกว่าคาดและการเติบโตของรายได้ค่าธรรมเนียมที่สูงขึ้นในไตรมาส 1/64 ประกอบกับคุณภาพสินทรัพย์น่าจะดีต่อเนื่องจากไตรมาสแรกที่ออกมาดีกว่าตลาดคาด และปัจจุบันซื้อขายที่ PBV ไม่แพงระดับ 0.65 เท่า
2.กลุ่มร้านอาหารและห้างสรรพสินค้า แนะนำ M และ CPN โดยมองว่า M เป็นหุ้นที่น่าจะฟื้นตัวได้ค่อนข้างโดดเด่น จากสถานการณ์โควิดที่ผ่อนคลายและการเปิดเมือง เนื่องจากสัดส่วนรายได้การนั่งทานอาหารในร้านเขตกรุงเทพฯและปริมณฑลสูงคิดเป็นกว่า 50% ของยอดขายบริษัท ขณะที่มีสภาพคล่องที่แข็งแกร่งเพียงพอต่อการรองรับผลจากการระบาดระลอก 3 ได้ ส่วน CPN แนวโน้มกำไรครึ่งปีหลังน่าจะฟื้นตัว จากการให้ส่วนลดค่าเช่าลดลงพร้อมยังได้อานิสงส์บวกจากการเปิดเมืองและกระจายวัคซีนที่จะเร่งตัวขึ้นเรื่อยๆ รวมถึงการเปิดโครงการใหม่ยังคงเป็นไปตามแผนเพื่อรองรับการเติบโตในระยะยาว
3.กลุ่มบริโภคในประเทศ แนะนำ HMPRO และ BJC โดยมองว่า HMPRO เป็นหุ้นกลุ่มการบริโภคที่แนวโน้มฟื้นตัวตามกำลังซื้อและเศรษฐกิจที่ค่อยๆดีขึ้น โดยแนวโน้มอัตรากำไรดีขึ้นจากการปรับปรุงประสิทธิภาพที่ทำมาตลอดช่วงระยะเวลา 2-3 ปี ขณะที่สาขาในมาเลเซียคาดว่าจะถึงจุดคุ้มทุนในปีนี้หลังจากขาดทุนมาต่อเนื่องมา 7 ปี ส่วน BJC แนวโน้มกลุ่มธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภคฟื้นตัวจากการจับจ่ายใช้สอยที่ดีขึ้น ในขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นก็ฟื้นตัวจากการปรับปรุงคุณภาพสินค้าอาหารสดและเน้นขายสินค้าที่มีอัตรากำไรดี ส่วนธุรกิจบรรจุภัณฑ์ได้ผลบวกจากกระแส Sustainable packaging และการเปลี่ยนจากการใช้กระป๋องเหล็กมาเป็นอลูมิเนียม อีกทั้งมีการผลิตกระป๋องขนาดใหม่ รวมถึงการเติบโตของ Functional drink
และ4.กลุ่มการเงิน แนะนำ TIDLOR และ MTC โดยประเมินว่า TIDLOR ยังได้ผลบวกจากความต้องการสินเชื่อที่ยังสูง ผสานกับแนวโน้มรายได้จากธุรกิจนายหน้าประกันยังเติบโตดีต่อเนื่อง มีความได้เปรียบด้านต้นทุนทางการเงิน ส่วน MTC ความต้องการสินเชื่อจำนำทะเบียนและสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ยังดีต่อเนื่อง และแนวโน้มคุณภาพสินทรัพย์แข็งแกร่งบวกกับรายได้ค่าธรรมเนียมโตดีจากค่าธรรมเนียมการติดตามหนี้ที่สูงขึ้น โดยคาดแนวโน้มกำไรขยายตัวที่ระดับ 12 -15% ภายในปี 64-65