"พีทีที โกลบอล เคมิคอล(PTTGC)" เปิดผลงาน Q1/64 พลิกเป็นกำไรสุทธิ 9,694.86 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 210.3% จากไตรมาส 1/63 ที่มีขาดทุนสุทธิ 8,784.11 ล้านบาท รับอานิสงส์ราคา-ปริมาณขายปิโตรเคมีพุ่ง แถมมีรับรู้กำไรจากสต๊อกน้ำมันกว่า 2.2 พันลบ.
** PTTGC เผย Q1/64 พลิกกำไร 9.69 พันลบ. โต 210%
บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 1/64 มีกำไรสุทธิ 9,694.86 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 210.36% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ขาดทุนสุทธิ 8,784.11 ล้านบาท และเพิ่มขึ้น 51.36% เมื่อเทียบกำไรสุทธิกับไตรมาส 4/63 ที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 6,405 ล้านบาท โดยมีผลกำไรจากสต๊อกน้ำมันและการกลับรายการมูลค่าสุทธิ ที่จะได้รับของสินค้าคงเหลือให้เท่ากับมูลค่าสุทธิที่จะได้รับ (Stock Gain Net Reversal of NRV) เป็นกำไรรวม 2,296 ล้านบาท โดยบริษัทฯ มี Adjusted EBITDA ในไตรมาสนี้อยู่ที่ 14,108 ล้านบาท
โดยผลประกอบการในไตรมาสที่ 1/64 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายรวม 101,864 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้น 9% จากไตรมาส 1/63 และเพิ่มขึ้น 16% จากไตรมาส 4/63 เป็นผลมาจากราคาขายของทุกผลิตภัณฑ์ที่ปรับขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มผลิตภัณฑ์โอเลฟินส์และผลิตภัณฑ์ต่อเนื่อง จากอุปสงค์ของผลิตภัณฑ์ตามสภาพเศรษฐกิจโลกที่ดีขึ้น และราคาน้ำมันดิบดูไบที่ปรับเพิ่มขึ้น
รวมทั้งบริษัทฯ มีปริมาณการขายเพิ่มขึ้น จากแผนการปิดซ่อมบำรุงตามแผนที่น้อยกว่าในไตรมาส 1/63 ทำให้บริษัทฯ มีกำไรจากการดำเนินงานปกติ (ไม่รวมผลกำไรจากสต๊อกน้ำมันและการกลับรายการมูลค่าสุทธิ ที่จะได้รับของสินค้าคงเหลือให้เท่ากับมูลค่าสุทธิที่จะได้รับ ผลขาดทุนทางบัญชีจากอัตราแลกเปลี่ยน ผลขาดทุนจากตราสารอนุพันธ์เพื่อประกันความเสี่ยง และรายการพิเศษอื่น ๆ) ในไตรมาส 1/64 อยู่ที่ 8,769 ล้านบาท ทั้งนี้บริษัทมีผลขาดทุนจากตราสารอนุพันธ์เพื่อประกันความเสี่ยง 226 ล้านบาท และผลขาดทุนทางบัญชีจากอัตราแลกเปลี่ยน 1,144 ล้านบาท
*** ผลิตภัณฑ์โอเลฟินส์ช่วยหนุนผลงาน
ทั้งนี้ ในไตรมาสนี้กลุ่มผลิตภัณฑ์โอเลฟินส์และกลุ่มผลิตภัณฑ์ต่อเนื่องมีผลประกอบการที่ดีขึ้นต่อเนื่อง สาเหตุจากราคาผลิตภัณฑ์เม็ดพลาสติกโพลีเอทิลีน (PE) เฉลี่ยเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้า19% และสูงกว่าไตรมาส 1/63 ประมาณ 45% ส่งผลให้กลุ่มผลิตภัณฑ์โอเลฟินส์และกลุ่มผลิตภัณฑ์ต่อเนื่องมี Adjusted EBITDA Margin ในไตรมาสนี้อยู่ที่ 26% ปรับเพิ่มขึ้นจากไตรมาส 4/63 และไตรมาส 1/63
ส่วนของธุรกิจโรงกลั่น สภาพตลาดโดยรวมปรับตัวดีขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้าจากความมีประสิทธิภาพของการควบคุมการแพร่ระบาดในหลายประเทศ ส่งผลให้ความต้องการในการใช้น้ำมันปรับตัวดีขึ้นตามลำดับ โดยบริษัทฯ ยังคงการปรับรูปแบบการผลิตโดยปรับลดปริมาณการผลิตน้ำมันอากาศยาน และเปลี่ยนไปผลิตเป็นน้ำมันดีเซล ตามภาวะความต้องการน้ำมันอากาศยานที่ลดลง ตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019
ส่งผลให้ธุรกิจโรงกลั่นมีค่าการกลั่น (GRM) อยู่ที่ 3.17 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้าจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ดีขึ้น แต่ปรับตัวลดลงจากไตรมาส 1/63 ตามทิศทางส่วนต่างราคาดีเซลกับน้ำมันเตากำมันถันต่ำ (Low Sulfur Fuel Oil: LSFO) กับน้ำมันดิบดูไบเป็นสำคัญ
สำหรับธุรกิจอะโรเมติกส์มีส่วนต่างผลิตภัณฑ์อะโรเมติกส์ (BTX P2F) อยู่ที่ 142 เหรียญสหรัฐฯ ต่อตัน ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนตามทิศทางความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ปรับตัวดีขึ้นตามลำดับ แต่ลดลงจากไตรมาส 1/63 สาเหตุหลักมาจากราคาวัตดุดิบคอนเดนเสทปรับตัวเพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมันดิบและปรับตัวขึ้นในอัตราส่วนที่สูงกว่าราคาผลิตภัณฑ์
ทั้งนี้ บริษัทฯ มีส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนที่บริษัทฯ รับรู้จำนวน 1,900 ล้านบาท ปรับเพิ่มขึ้นจากทั้งไตรมาส 4/63 และไตรมาส 1/63 เป็นผลจากผลประกอบการในทุกบริษัทร่วมค้าและบริษัทร่วมดีขึ้น โดยเฉพาะบริษัทในกลุ่มธุรกิจปิโตรเคมี
*** อวดมีเงินทุนหมุนเวียนทะลุ 1 แสนลบ.
ณ มี.ค.64 บริษัทฯ มีเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด และเงินลงทุนในสินทรัพย์ทางการเงินหมุนเวียนรวม แตะระดับ 100,472 ล้านบาท หลังเพิ่มขึ้นจากสิ้นปีก่อน 39,813 ล้านบาท โดยมีเงินสดรับจากกิจกรรมดำเนินงาน 7,027 ล้านบาท เงินสดที่ใช้ไปในกิจกรรมลงทุน 41,755 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่เป็นการนำเงินสดที่ได้จากการออกหุ้นกู้ลงทุนในสินทรัพย์ทางการเงินหมุนเวียน
บริษัทฯมีกระแสเงินสดจ่ายเพื่อซื้อที่ดิน อาคารและอุปกรณ์ รวมถึงสินทรัพย์ไม่มีตัวตนที่สาคัญ ได้แก่ โครงการ Olefins Reconfiguration เป็นต้น นอกจากนี้ บริษัทฯ มีกระแสเงินสดได้มาจากกิจกรรมจัดหาเงิน 37,842 ล้านบาท โดยเป็นเงินสดรับจากการออกหุ้นกู้เป็นสำคัญ ทั้งนี้ บริษัทฯ มีอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้น 0.33 เท่า และอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิต่อ EBITDA 2.49 เท่า
*** โรงโอเลฟินส์แห่งใหม่เริ่ม COD พ.ค.นี้ ขยายกำลังการผลิต PET แล้วเสร็จ Q2/64
สำหรับการลงทุนในโรงโอเลฟินส์แห่งใหม่ (Olefins Reconfiguration Project) ได้เริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์(COD)ในเดือนพ.ค. 64 โดยโรงดังกล่าวใช้แนฟทาและก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) เป็นวัตถุดิบหลัก โดยมีกำลังการผลิตเอทิลีนอยู่ที่ 500,000 ตันต่อปี และโพรพิลีน 250,000 ตันต่อปี ส่งผลให้กำลังการผลิตติดตั้งโอเลฟินส์ของบริษัทฯ จะเพิ่มขึ้นจาก 2,988,000 ตันต่อปี เป็น 3,738,000 ตันต่อปี
ส่วนของโครงการอื่น ๆ เช่น การกลับมาดำเนินงานของโรง PTA โรงผลิตที่ 1 กำลังการผลิต 470,000 ตันต่อปี ได้กลับมาดำเนินการผลิตเมื่อต้นเม.ย.ที่ผ่านมา (ทำให้มีกาลังการผลิตรวม 1,440,000 ตันต่อปี) โครงการขยายกำลังการผลิตของโรง PET จากกำลังการผลิต 147,000 ตันต่อปีเป็น 200,000 ตันต่อปี อยู่ระหว่างดำเนินการซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จตามแผนในไตรมาสที่ 2 นี้
*** โบรกฯ มองกำไรปี 64 สดใส รับธุรกิจปิโตรเคมีฟื้น
ด้านบริษัทหลักทรัพย์(บล.) เอเชีย เวลท์ จำกัด คาดกำไรปี 64 ฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญ โดยคาดหมายจะเห็นกำไรปกติไตรมาส 2/64 เพิ่มขึ้นทั้งไตรมาสก่อนหน้าและช่วงเดียวกันปีก่อนจากกลุ่มธุรกิจปิโตรเคมี โดยเฉพาะราคาและส่วนต่างราคาในกลุ่มธุรกิจ Polymer รวมทั้งไปถึงส่วนต่างราคาอะโรเมติกส์ ที่ยังคงแข็งแกร่งต่อเนื่อง
นอกจากนี้เราคาดว่าผลประกอบการจะยังได้ประโยชน์จากการเริ่มรับรู้รายได้จากโครงการใหม่ในไตรมาส 2/64 ได้แก่ โครงการ ORP (Olefins Reconfiguration Project เพื่อเพิ่มกำลังผลิต Ethylene จำนวน 5 แสนตันต่อปีและ Propylene จำ นวน 2.5 แสนตัวต่อปี) อย่างไรก็ตาม Upside ของราคาน้ำมันดิบที่เริ่มจำกัด และการเข้าสู่ช่วง Low season ของธุรกิจการกลั่น จะทำให้บริษัทมีค่าการกลั่น และการรับรู้ Stock Gain ที่ลดลง แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 71 บาท