" ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น (WHA)" ไม่ตกกระแส เล็งออกโทเคนดิจิทัล เพื่อใช้ประโยชน์และลงทุน หวังต่อยอดธุรกิจในเครือ ด้านยอดขายที่ดินปีนี้มั่นใจทำได้ 1,030 ไร่ หลังลูกค้านิคมฯในไทย-เวียดนาม เพิ่มขึ้น พร้อมเตรียมขายทรัพย์สิน 5.5 พันลบ. เข้ากองรีท ช่วง Q4/64 ด้านโบรกฯมองมีกำไรจากการขายทรัพย์สิน สูงถึง 1.5 พันลบ. แนะซื้อ ให้เป้า 4.70 บาท
*** ศึกษาออกโทเคนดิจิทัล ใช้ต่อยอดธุรกิจในเครือ
นางสาวจรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริษัทและประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA เปิดเผยในงาน Opportunity Day ว่า การที่บริษัทมีสินทรัพย์จากทั้งธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และสาธารณูปโภคที่มีรายได้ประจำอยู่แล้ว จึงมีความสนใจออกโทเคนดิจิทัล (สินทรัพย์ดิจิทัล) ซึ่งกำลังศึกษาทั้งรูปแบบโทเคนดิจิทัล เพื่อการใช้ประโยชน์ (Utility Token) และโทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุน (Investment Token) เพื่อให้เหมาะสมกับธุรกิจ
รวมถึงมองภาพรวมของกลุ่ม WHA ที่มีธุรกิจที่หลากหลาย ซึ่งอาจมีการออกโทเคนที่สามารถใช้ทุกอย่างได้ในกลุ่มธุรกิจของบริษัท ไม่ว่าจะเป็นด้านพลังงาน,น้ำ และธุรกิจที่ให้เช่า
*** มั่นใจยอดขายที่ดินปีนี้ 1,030 ไร่ ลูกค้าไทย-เวียดนามพุ่ง
นางสาวจรีพร กล่าวว่า สำหรับภาพรวมธุรกิจปีนี้บริษัทมั่นใจว่ายอดขายที่ดินจะทำได้ตามเป้าหมายที่ระดับ 1,030 ไร่ แบ่งเป็นยอดขายที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมที่ประเทศไทยจำนวน 725 ไร่ และยอดขายที่ดินจากนิคมฯที่ประเทศเวียดนามจำนวน 305 ไร่ หลังจากกลุ่มลูกค้าทั้งนักลงทุนชาวไทยและต่างชาติ เช่น ญี่ปุ่น,ยุโรป,อินเดีย และจีนยังสนใจเข้ามาลงทุนอย่างต่อเนื่อง
โดยยอดความสนใจที่ดินในช่วง 4-5 เดือนที่ผ่านมาปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นกว่าเมื่อเทียบกับปี 63 โดยเฉพาะฐานลูกค้าอินเดียที่มีแผนจะย้านฐานการผลิตจากอินเดียมาไทยเป็นจำนวนมาก ประกอบกับในช่วงไตรมาส 1/64 ที่ผ่านมาบริษัทมียอดขายที่ดินในไทยแล้วกว่า 188 ไร่ และยอดขายในเวียดนามราว 25 ไร่
ขณะที่บริษัทยังมีการพัฒนานิคมใหม่ๆอย่างต่อเนื่อง หลังจากปัจจุบันมีนิคมฯทั้งหมดจำนวน 12 แห่ง แบ่งเป็นในไทย 11 แห่ง และเวียดนาม 1 แห่ง โดยคาดว่าในปีนี้จะเปิดตัวนิคมใหม่เพิ่มอีกอย่างน้อย 3 แห่ง จากในช่วงก่อนนี้ได้มีการเปิดดำเนินการนิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ ระยอง 36 เพื่อรองรับการลงทุนของนักลงทุนทั้งไทยและต่างชาติ
รวมทั้งการเปิดให้เช่าพื้นที่ภายใน TusPark WHA ศูนย์บ่มเพาะนวัตกรรมแห่งใหม่ตั้งแต่เดือนมี.ค.ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามภายในช่วง 5 ปีข้างหน้า (ปี64-68) บริษัทมีแผนจะเปิดนิคมฯใหม่จำนวน 7 แห่ง ซึ่งแบ่งเป็นในไทยจำนวน 4 โครงการ และเวียดนามอีกจำนวน 3 โครงการ
"ภาพรวมธุรกิจในครึ่งหลังปี 64 มองว่าจะมีการเติบโตที่ดีขึ้นกว่าเมื่อเทียบกับครึ่งปีแรก จากการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมการผลิตและการลงทุนจากต่างประเทศจะเริ่มส่งสัญญาณที่ชัดเจนขึ้น ตามแผนการผลิตและกระจายวัคซีนของประเทศไทยและประเทศต่างๆทั่วโลก" นางสาวจรีพร กล่าว
*** เร่งทำยอดขายเวียดนาม-ขายทรัพย์สินเข้ากองรีท 5.5 พันลบ.
นางสาวจรีพร กล่าวว่า การพัฒนานิคมฯในเวียดนาม บริษัทอยู่ระหว่างการเร่งทำยอดขายพร้อมกับการก่อสร้างในส่วนของเฟส 1 และส่วนที่เหลือเพื่อให้เป็นไปตามเป้ายอดขายที่ดินในเวียดนามปีนี้จำนวน 305 ไร่ พร้อมกับการวาง Master Plan เพื่อพัฒนาพื้นที่สำหรับเฟส 2 และเฟส 3 ที่คิดเป็นพื้นที่รวมเพิ่มเติมอีก 4,700 ไร่ รวมถึงการดำเนินการเพื่อขอใบอนุญาตและการอนุมัติโครงการเพื่อพัฒนาเขตอุตสาหกรรมอีก 2 แห่งในจังหวัดถั่งหัวบนพื้นที่รวมกว่า 7,500 ไร่ ซึ่งคาดว่าจะพัฒนาพื้นที่ได้ภายในช่วงสิ้นปีนี้และเริ่มเปิดขายได้ต้นปี 65
ด้านธุรกิจโลจิสติกส์ ซึ่งมีคลังสินค้า Built-to-Suit และ Warehouse Farm ปัจจุบันยังคงเป้าให้บริการพื้นเช่า 175,000 ตารางเมตร อีกทั้งบริษัทยังมีแผนพัฒนาโครงการศูนย์กระจายสินค้าขนาดใหญ่เพิ่มเติมอีก 5 โครงการบนพื้นที่รวมกว่า 400,000 ตารางเมตร ภายใต้รูปแบบคลังสินค้าอัจฉริยะที่สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้า
นอกจากนี้บริษัทวางแผนเตรียมการขายทรัพย์สินเข้ากองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่า ดับบลิวเอชเอ พรีเมี่ยม โกรท (WHART) ขนาด 180,000 ตารางเมตร มูลค่ากว่า 5,500 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะบันทึกรายได้และกำไรเข้ามาในงบได้ภายในช่วงไตรมาส 4/64
*** บล.กรุงศรี คาดบุ๊คกำไรขายสินทรัพย์เข้ารีท 1.5 พันลบ.
บริษัทหลักทรัพย์(บล.)กรุงศรี เปิดเผยว่า WHA จะมีปัจจัยบวกกระตุ้นราคาหุ้นในระยะสั้นหลายปัจจัย ได้แก่ กำไรจากการขายทรัพย์สินเข้ากองทรัสต์ โดยผู้ถือหน่วย WHART อนุมัติซื้อคลังสินค้าโลจิสติกส์สามแห่งเพิ่มเติมจาก WHA มูลค่าไม่เกิน 5,500 ล้านบาท สูงกว่าโบรกฯ คาดการณ์ที่ 5 พันล้านบาท คาดว่าบริษัทจะมีกำไรจากรายการนี้ประมาณ 1,500 ล้านบาท สูงกว่าคาดการณ์ของโบรกฯ 25-30% หรือคาดอยู่ที่ 1,200-1,300 ล้านบาท โดยคาดว่าการขายทรัพย์สินจะแล้วเสร็จในธ.ค.64 โดยโบรกฯ มองประเด็นนี้เป็นอัพไซด์
นอกจากนี้แนวโน้มกำไรไตรมาส 2/64 แข็งแกร่งจากการฟื้นตัวของธุรกิจไฟฟ้า โดยคาดกำไรไตรมาส 2/64 จะเติบโตจากไตรมาสก่อนหน้า จากการฟื้นตัวของธุรกิจโรงไฟฟ้า Gheco-One กลับมาดำเนินการปกติหลังปิดซ่อมบำรุง 37 วันในไตรมาส 1/64 โบรกฯ คาดรายได้จากการขายไฟฟ้าและค่าความพร้อมจ่าย (AP) จะเพิ่มขึ้นและทำให้ส่วนแบ่งกำไรเป็นมากกว่า 200 ล้านบาทในไตรมาส 2/64 จาก 127 ล้านบาทในไตรมาส 1/64
อีกทั้งยังมีข่าวดีมาจากกำไรที่จะเกิดขึ้นในอนาคต จากการคาดการณ์ว่า WHA อาจปิดดีล M&A โซลาฟาร์มในเวียดนาม (โครงการพัฒนาแล้วสามแห่งกำลังการผลิตแห่งละ 50-250 เมกะวัตต์) โดยมี IRR >10% ภายเสร็จในไตรมาส 3/64 (จากเดิม มิ.ย.) รวมถึงยังอยู่ระหว่างการเจรจาดีล M&A ของโครงการน้ำระหว่างพัฒนาและพัฒนาแล้ว นอกจากนี้บริษัทอาจมีรายได้ 500 ล้านบาท และกำไร 100 ล้านบาท จากการขายธุรกิจ data center โดยแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 4.7 บาท