ธนาคารโลก (เวิลด์แบงก์) คาดจีดีพีไทยปีนี้ส่อติดลบ -8.3% รับผลกระทบโควิด-19 ส่วนกรณีแย่สุดอาจติดลบถึง 10.4% หนักสุดในอาเซียน และจากภูมิภาคเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก (EAP)ที่ขยายตัว 0.9% และถือเป็นอัตราการเติบโตต่ำสุดในรอบ 10 ปี ขณะที่ปี 64 คาดจีดีพีไทยกลับมาขยายตัว 4.9%
*** เวิลด์แบงก์ มองจีดีพีไทยปีนี้ -8.3% แย่สุด -10.4% ต่ำสุดในภูมิภาค
ธนาคารโลก (เวิลด์แบงก์) เปิดเผย รายงานเศรษฐกิจของภูมิภาคเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก(EAP)ประจำเดือน ต.ค. 2563 ว่าได้คาดการอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ของไทยในปีนี้ว่า ในกรณีเส้นฐานคาดว่าจะติดลบ 8.3% ส่วนในกรณีที่แย่ที่สุดคาดว่าจะติดลบ 10.4% จากผลกระทบของโควิด-19 เอง และผลกระทบทางด้านเศรษฐกิจจากมาตรการควบคุมการแพร่ระบาด และการตกต่ำของเศรษฐกิจทั่วโลกที่ยาวนาน
นับเป็นการหดตัวมากที่สุดในกลุ่ม EAP ดังนี้
|
เส้นฐาน |
กรณีแย่ |
เส้นฐาน |
กรณีแย่ |
ประเทศ |
2563 |
2563 |
2564 |
2564 |
EAP |
0.9 |
0.3 |
7.4 |
4.5 |
จีน |
2.0 |
1.6 |
7.9 |
4.8 |
ASEAN |
-3.5 |
-4.7 |
5.1 |
3.4 |
อินโดนีเซีย |
-1.6 |
-2.0 |
4.4 |
3.0 |
มาเลเซีย |
-4.9 |
-6.1 |
6.3 |
4.4 |
ฟิลิปปินส์ |
-6.9 |
-9.9 |
5.3 |
2.9 |
ไทย |
-8.3 |
-10.4 |
4.9 |
3.5 |
เวียดนาม |
2.8 |
1.5 |
6.8 |
4.5 |
กัมพูชา |
-2.0 |
-2.9 |
4.3 |
3.0 |
*** ปี 64 กลับมาโต 4.9% กรณีแย่สุดขยายตัวแค่ 3.5%
ขณะที่ในปี 64 คาดว่าจีดีพีของไทยในกรณีที่แย่ที่สุดคาดว่าจะขยายตัวได้ 3.5% ส่วนกรณีเส้นฐานคาดว่าจะขยายตัวได้ 4.9% ตามประเทศต่างๆทั่วโลก จากการควบคุมการแพร่ระบาดที่ประสบความสำเร็จในบางประเทศนำไปสู่การฟื้นตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจในแต่ละประเทศ
โดยเศรษฐกิจในภูมิภาคนี้จะขยายตัว 0.9% ซึ่งเป็นอัตราการเติบโตที่ต่ำสุดตั้งแต่ปี 10 ในขณะที่คาดว่าจีนจะขยายตัวได้ 2% เพราะว่าจีนสามารถควบคุมการติดเชื้อใหม่ได้ในอัตราที่ต่ำตั้งแต่เดือนมี.ค.และมีการเพิ่มการลงทุนของภาครัฐตั้งแต่นั้นมาด้วย
แต่เศรษฐกิจของภูมิภาคนี้ยังต้องพึ่งพาประเทศอื่นๆในโลกอย่างมาก ดังนั้นจะเริ่มเห็นการฟื้นตัวทางการค้า เนื่องจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจของทั่วโลกนั้นเริ่มที่จะกลับมา ขณะที่ด้านของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวนั้นยังไม่สามารถฟื้นตัวได้เร็ว
สำหรับ เงินทุนระยะสั้นแม้จะเริ่มเห็นการไหลกลับเข้าสู่ภูมิภาคแล้ว แต่ความไม่แน่นอนที่มีอยู่ทั่วโลกนั้นยังคงสกัดกั้นการลงทุนในประเทศและต่างประเทศ ความสามารถของรัฐบาลในการกระตุ้นเศรษฐกิจนั้นยังมีข้อจำกัด เนื่องจากความตึงเครียดทางการคลัง
*** 5 ล้านรายกลับสู่ความยากจน งบประมาณช่วยเหลือไม่ทั่วถึง
ทั้งนี้โควิด-19 สร้างชนชั้นที่เรียกว่า คนจนกลุ่มใหม่ ประชาชนตกอยู่ในความยากจนเพิ่มขึ้น 38 ล้านคน ในปี 63 รวมถึง 33 ล้านคน ที่อาจหลุดพ้นจากความยากจนได้หากไม่เกิดการระบาด และอีก 5 ล้านคนต้องกลับสู่ความยากจน
โดยบางประเทศในกลุ่ม EAP ยอดขายของธุรกิจที่ต่ำกว่าเดิม 38 - 58% YoY ในเดือน เม.ย. - พ.ค.63 โดยธุรกิจขนาดใหญ่ดูเหมือนจะฟื้นตัวได้เร็วกว่าธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก เนื่องด้วย SME มีความเปราะบางต่อวิกฤตที่มากกว่าและมีความสามารถในการปรับตัวน้อยกว่า พนักงานรับค่าจ้างรวมถึงผู้ที่ทำงานให้กับธุรกิจครอบครัวจึงต้องเผชิญกับรายได้ที่ส่วนใหญ่จะลดลง
แม้รัฐบาลของประเทศในกลุ่ม EAP จะกำหนดให้ใช้งบประมาณเกือบ 5% ของจีดีพี เพื่อช่วยเหลือครัวเรือน และเพื่อให้เกิดการบริโภคอย่างต่อเนื่อง จะช่วยธุรกิจให้รอดพ้นจากการล้มละลายได้ แต่การให้ความช่วยเหลือนั้นเข้าถึงครัวเรือนที่มีรายได้ลดลงได้น้อยกว่าหนึ่งในสี่ และมีธุรกิจเพียง 10 - 20% ที่รายงานว่าได้รับความช่วยเหลือนับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์โรคระบาด