หุ้นปันผลที่ดี ส่วนใหญ่มักมีการจ่ายเงินปันผล คิดเป็นอัตราผลตอบแทน (Dividend Yield) ระดับสูง แต่การคำนวณหา Dividend Yield ทำได้อย่างไร มีกี่วิธี แล้วแต่ละวิธีมีวัตถุประสงค์เพื่ออะไร มาหาคำตอบกัน !
*** หุ้นปันผล ควรมี Dividend Yield สูง
หุ้นปันผล มีหนึ่งในเทคนิคการคัดกรองหุ้น คือ พยายามมองหาหุ้นที่จ่ายเงินปันผลระดับสูง จึงไม่ใช่เรื่องแปลก ที่นักลงทุนหลายคน จะพยายามทำตามปรัชญาดังกล่าว เพื่อสร้างกระแสเงินสดให้ได้มากที่สุด โดยการวัดว่าหุ้นบริษัทไหน จ่ายเงินปันผลสูงหรือไม่ ก็ต้องวัดจากอัตราผลตอบแทนเงินปันผล (Dividend Yield) นั่นเอง
*** หุ้นปันผล ทำไมต้องดู Dividend Yield
หุ้นปันผล บริษัทไหน จ่ายเงินปันผลสูงหรือไม่สูง อัตรา Dividend Yield จะเป็นตัวชี้วัดได้ดี เพราะสามารถบ่งบอกให้นักลงทุนทราบว่า หากซื้อหุ้นที่ราคาหนึ่ง จะได้รับเงินปันผล คิดเป็นสัดส่วนเท่าใดของราคาหุ้นที่นักลงทุนจ่ายไปนั่นเอง
หุ้นปันผลที่ดี บางครั้งไม่อาจนำ Dividend Yield ระดับสูงมาเป็นเครื่องชี้วัดได้ เพราะการจ่ายเงินปันผล ต้องนำกำไรของบริษัท ออกมาจ่าย จึงอาจทำให้บริษัทเสียโอกาส ในการนำเงินดังกล่าว ไปลงทุนเพิ่ม เพื่อสร้างการเติบโต ดังนั้น นักลงทุนจึงจำเป็นต้องพิจารณา อัตราส่วนทางการเงินอื่นๆ ประกอบ ก่อนตัดสินใจเลือกหุ้นด้วย
*** หุ้นปันผล คิด Dividend Yield ยังไง ?
หุ้นปันผล สามารถคำนวณ Dividend Yield ได้ง่ายๆ โดยนำอัตราเงินปันผลที่บริษัทประกาศจ่ายมาคูณ 100 แล้วหารด้วยราคาหุ้น ขณะนั้น ยกตัวอย่างให้เห็นภาพง่ายขึ้น เช่น หุ้น A ประกาศจ่ายเงินปันผล 10 บ./หุ้น และราคาหุ้น ขณะนั้นอยู่ที่ 200 บาท เราก็แค่นำ 10 คูณ 100 หาร 200 ก็จะได้เป็น Dividend Yield ออกมา ที่ 5% นั่นเอง
หุ้นปันผล ใช่ว่า จะนำราคาหุ้นปัจจุบัน มาคำนวณหา Dividend Yield ได้อย่างเดียว แต่ยังสามารถ นำต้นทุนราคาหุ้นที่นักลงทุนซื้อ มาใช้คำนวณหา Dividend Yield ได้ด้วย
หุ้นปันผล ที่นำราคาหุ้นขณะนั้น มาคำนวณหา Dividend Yield มีวัตถุประสงค์ เพื่อวัดความคุ้มค่าของการพิจารณาซื้อ หรือขายหุ้น ส่วนการนำ ราคาตุ้นทุนมาคำนวณหา Dividend Yield มีวัตถุประสงค์ เพื่อวัดว่า หุ้นที่นักลงทุนถืออยู่นั้น ให้ผลตอบแทนคุ้มค่าแค่ไหน