หุ้น M หรือที่รู้จักกันดี “MK สุกี้” และร้านอาหารญี่ปุ่น “ยาโยอิ” M เข้าระดมทุน จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหุ้นเมื่อปี 2013 หลังจากนั้นก็โตมาเรื่อย ๆ แบบค่อยเป็นค่อยไป
แต่ล่าสุด!!!!
ประกาศปิดดีลใหญ่ ควักเงิน 2 พันล้าน ซื้อหุ้น 65% ของแหลมเจริญซีฟู้ด
ทำไม M ถึงซื้อแหลมเจิรญซีฟู้ด?
สามปีล่าสุดกำไรของ M ยังโตต่อเนื่อง แต่! ปีที่แล้วกับครึ่งแรกปีนี้เริ่มเห็นการโตในอัตราที่ลดลง (จาก 2 หลัก เหลือหลักเดียว)
ปี
|
กำไร (ลบ.)
|
เปลี่ยนแปลง (%)
|
H1/62
|
1,398
|
8.29%
|
2561
|
2,574
|
6.14%
|
2560
|
2,425
|
15.48%
|
2559
|
2,100
|
13.15%
|
อีกทั้งการเติบโตมากจากการขยายสาขาเป็นหลัก โดยที่ยอดขายของสาขาเดิมเริ่มโตในอัตราที่ลดลงเช่นกันเหลือเพียง 1-2% ทั้งร้านสุกี้และร้านอาหารญี่ปุ่น

M พึ่งรายได้หลักจาก MK สุกี้ สูงถึง 79% ของรายได้ทั้งหมด ยาโยอิ 19% ขณะที่แบรนด์อื่นทำรายได้เพียง 2% ทั้งๆ ที่มีร้านอาหารอยู่หลายแบรนด์


M จึงต้องลงทุนเพิ่ม เข้าลงทุนในหุ้นของบริษัท แหลมเจริญซีฟู้ด จำกัด ถือหุ้นในสัดส่วน 65% คิดเป็นมูลค่าเงินลงทุนทั้งหมด 2,060 ล้านบาท โดยจะใช้เงินสดที่มีอยู่ในมือกว่า 9,700 ล้านบาท
การซื้อหุ้นแหลมเจริญซีฟู้ด 65% ด้วยมูลค่าดังที่กล่าวข้างต้น นั่นหมายความว่า แหลมเจริญซีฟู้ดมีมูลค่ากิจการประมาณ 3,169 ล้านบาท
M จะได้อะไรจากการลงทุนครั้งนี้?
ดีลซื้อแหลมเจริญซีฟู้ดตรงกับกลยุทธ์ของ M ที่จะขยายธุรกิจไปยังร้านอาหารเครือข่ายที่มีขนาดใหญ่ ซึ่งจะทำให้เกิด Synergy ร่วมกันในอนาคต
1. ต้นทุนลด ปัจจุบัน M ลงทุนในธุรกิจโลจิสติกส์ โดยปีที่แล้ว M ร่วมทุนด้านโลจิสติกส์ กับ "เซนโค กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด" ยักษ์ใหญ่โลจิสติกส์ญี่ปุ่น ที่มีประสบการณ์มากกว่า 100 ปี ซึ่งสามารถใช้ M-Senko Logistics (MSL) เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของแหลมเจริญซีฟู้ด ช่วยประหยัดต้นทุนได้
2. เพิ่มอำนาจต่อรอง M จะสามารถเปิดร้านแหลมเจริญซีฟู้ดสาขาใหม่ในทำเลที่ M มีเครือข่ายร้านอาหารอยู่แล้ว โดย M จะมีอำนาจต่อรองกับเจ้าของพื้นที่มากขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่เป็นห้างสรรพสินค้า ในแง่ของค่าเช่า และ/หรือทำเลที่ตั้งของร้าน
แม้จะมี synergies ที่เป็นไปได้ตามที่กล่าวข้างต้น แต่ดูแล้วน่าจะมีรายละเอียดทางการเงินมากกว่านี้เพื่อที่จะอธิบายดีลที่มีมูลค่าธุรกรรมต่อสาขาสูงถึง 76 ล้านบาท (แหลมเจริญซีฟู้ดมีสาขาทั้งหมด 27 สาขา M ควักเงิน 2,060 ล้านบาท)
Synergy ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต จะคุ้มค่ากับต้นทุนที่เสียไปหรือไม่ เป็นประเด็นที่น่าติดตาม